post

ฟุตบอลสู่โลกกว้าง ทิศทางที่สดใสบอลไทยในยุคสมยศ

การเข้ามานั่งเก้าอี้ประมุขวงการฟุตบอลไทยของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงอาจจะเป็นที่กังขาในช่วงเวลาแรกๆ เพราะเอาแค่เงื่อนไขเรื่องความรู้ความเข้าใจในฟุตบอลของนายกฯ คนใหม่รายนี้ก็มีน้อยนิดแล้ว การจะมาดูแลองค์กรใหญ่ที่เป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย องค์กรที่มีอะไรต้องทำมากมาย หลายคนปรามาสว่าเขาจะเอาไม่อยู่

หลังจากได้ทำงานมาระยะหนึ่ง ประมุขฟุตบอลไทยก็ได้รู้ได้เห็นอะไรมากมาย แผลเก่าที่เกิดขึ้นจากการบริหารงานในยุคก่อนที่เขาจะเข้ามารับผิดชอบงานนี้ มีสิ่งที่ต้องตามล้างตามเช็ด พล.ต.อ.สมยศหรือที่แฟนบอลไทยเรียกกันว่าลุงสมยศไม่ได้เริ่มต้นงานจากศูนย์ แต่เป็นความยุ่งยากอย่างที่สุดในการเริ่มต้นจากฟุตบอลไทยที่ติดลบ

ข้อดีหนึ่งที่ลุงสมยศของแฟนบอลมีคือเขายอมรับตรงๆ ว่าไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจะให้ความสำคัญในการฟังความเห็นของบรรดาผู้รู้ทั้งหลาย และจะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีในการสนับสนุนเหล่าผู้รู้ให้สามารถพัฒนาและปรับปรุงวงการฟุตบอลไทยให้ดีขึ้น หนึ่งในนั้นคือการพาทีมชาติไทยออกไปเผชิญโลกกว้าง

ในยุคหนึ่งการจะได้ออกไปเล่นนอกประเทศของทีมชาติไทยถือว่ามีโอกาสน้อยจริงๆ หากไม่ใช่การไปร่วมรายการที่จำเป็นอย่างเช่นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีป ก็จะเป็นรายการอาเซี่ยน คัพกับซีเกมส์เท่านั้น โอกาสเจอกับทีมชาติระดับที่แข็งแกร่งก็นานที ส่วนใหญ่ก็มาแบบไม่เต็มที่ ทีมชาติไทยได้สู้กับทีมที่ไม่เอาจริงเอาจังแบบไม่แพ้ขาดก็เกิดความเข้าใจผิดไปเองว่าไทยก็มีฝีมือไม่แพ้ใครเขา แต่ทุกครั้งที่ออกไปเล่นนอกประเทศ เจอกับคู่แข่งระดับสูงกว่าก็แพ้แบบไม่เป็นท่ากลับมาร่ำไป

วงการฟุตบอลไทยนั้นพัฒนาอย่างผิดๆ มาตลอด จนกระทั่งสมาคมฟุตบอลชุดนี้ได้สร้างแนวทางวัดระดับตัวเองขึ้นมา การเจอทีมที่เก่งกว่า การออกไปเล่นเกมเยือนเพื่อเผชิญบรรยากาศที่แตกต่างไป มันจะกลายเป็นเครื่องพัฒนานักฟุตบอลทีมชาติไทยให้ดีขึ้น สามารถสู้กับระดับทวีปหรือระดับโลกได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า

เมื่อมีมุมมองเช่นนี้ สมาคมฟุตบอลก็รับลูกที่จะเปิดโอกาสให้นักเตะไทยได้เจอประสบการณ์ที่จะช่วยพัฒนาฝีเท้าและการเล่นให้ดีกว่าเดิม สมาคมไฟเขียวให้ทีมชาติไทยทั้งชายและหญิง ทั้งชุดใหญ่และชุดอายุต่างๆ ได้ออกเดินทางไปสู่สังเวียนแข้งบนแผ่นดินอื่น ทีมหญิงชุดใหญ่ไปร่วมศึกในยุโรป เดินทางไปเช็คระดับฝีเท้าตัวเองที่ออสเตรเลียและอเมริกา ทีมชายชุดใหญ่วางโปรแกรมอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่าอย่างเคร่งครัด กลั่นกรองเฉพาะทีมที่แข่งด้วยแล้วได้ประโยชน์สูงสุด นักเตะชายรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีได้ไปเก็บประสบการณ์ถึงประเทศสเปน นักเตะทีมหญิงอายุไม่เกิน 16 ปีได้ออกไปร่วมรายการในประเทศจีน และชุดอื่นๆ ต่างก็มีโปรแกรมวัดฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นยุคสมัยที่แฟนบอลไทยได้เห็นโปรแกรมแข่งทีมชาติไทยทุกรุ่นเรียงกันเป็นตับ ไม่มีช่วงเวลาไหนมาก่อนที่จะได้พบเห็นอะไรแบบนี้ ถือเป็นการก้าวบันไดที่สูงขึ้นของฟุตบอลไทย หลังจากได้แต่แหงนมองแล้วฝันว่าอยากอยู่จุดที่สูงกว่านี้มาตลอด

ผลลัพธ์ของการแข่งขันตลอดช่วงที่ผ่านมาถือเป็นคนละเรื่องกับการบริหารจัดการ ตอนนี้ทีมชาติไทยพร้อมออกไปลุยโลกทุกโอกาสที่มีและเป็นประโยชน์ แฟนบอลไทยได้เห็นทีมชาติไทยชุดใหญ่ชุดเล็กตกปากรับคำไปร่วมรายการที่จัดขึ้นในต่างประเทศ มันเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน แต่นั่นไม่ใช่งานที่ทีมชาติต้องสนใจ พวกเขามีหน้าที่เพียงแค่ออกไปแล้วทำผลงานให้ดี โชว์ให้เห็นการพัฒนาของทีม ส่วนเรื่องอื่นๆ สมาคมจะสนับสนุนเต็มที่ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องหลังบ้านของวงการฟุตบอลไทย หลายเรื่องที่เคยวางรูปแบบผิดก็ถูกปรับแก้ให้ถูกต้อง

นี่คืออนาคตของฟุตบอลไทยที่มีการบริหารจัดการภายใต้การเอาใจใส่ของคนไม่รู้เรื่องบอลที่ชื่อสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง มันคือฟุตบอลไทยที่มีแนวโน้มสดใสมากจริงๆ