post

บทแรกเริ่มของ Saudi Pro League: ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาฟุตบอล

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Saudi Pro League ได้กลายเป็นกระแสที่มาแรงในโลกของฟุตบอล ได้รับความสนใจและเสียงชื่นชมจากเวทีระดับโลก ด้วยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ การได้มาซึ่งพรสวรรค์ระดับแนวหน้า และการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่ลดละ ลีกได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง กลายเป็นโรงไฟฟ้าในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ เรามาเจาะลึกถึงปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของ Saudi Pro League และการเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่ของฟุตบอล

การลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน

ศูนย์กลางของการยกระดับลีกคือการลงทุนที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านฟุตบอล โครงการที่มีความทะเยอทะยาน รวมถึงสนามกีฬาที่ทันสมัยและศูนย์ฝึกซ้อมได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ทำให้ผู้เล่นได้รับสภาพแวดล้อมการฝึกซ้อมระดับโลกและผู้ชมด้วยประสบการณ์การแข่งขันที่ไม่มีใครเทียบได้ ความพยายามเหล่านี้ยังดึงดูดผู้บริหารระดับสูงและผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกสอนจากทั่วโลก ส่งเสริมการพัฒนาผู้เล่นในท้องถิ่นและยกระดับมาตรฐานการเล่นโดยรวม

การเซ็นสัญญาผู้เล่นตัวพลิกเกม

ความเย้ายวนใจของ Saudi Pro League ได้รับการปรับปรุงให้สูงขึ้นด้วยการดึงดูดผู้เล่นกระโจมจากภูมิหลังฟุตบอลที่หลากหลาย สตาร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติได้สร้างความสง่างามให้กับลีก โดยนำไหวพริบและทักษะของพวกเขามาดึงดูดผู้ชม การเซ็นสัญญาที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ยกระดับการแข่งขันของลีกเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความรู้สึกตื่นเต้นและความกระตือรือร้นในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบฟุตบอลในซาอุดีอาระเบียและที่อื่น ๆ

ความสมดุลในการแข่งขัน

คุณลักษณะที่โดดเด่นของ Saudi Pro League คือความสมดุลในการแข่งขันระหว่างสโมสรต่างๆ ไม่เหมือนกับลีกยุโรปบางลีกที่ถูกครอบงำโดยไม่กี่คน แต่ Saudi Pro League ได้เห็นหลายสโมสรผงาดขึ้นสู่ความโดดเด่นและท้าชิงตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ความเท่าเทียมกันนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นทุกสัปดาห์ และทำให้แฟน ๆ จดจ่ออยู่กับลีกตลอดทั้งฤดูกาล

แชมป์เอเชียนลีกได้สำเร็จ

สโมสรในซาอุดีอาระเบียยังสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันระดับทวีปโดยเฉพาะเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ตัวแทนของลีกได้แสดงผลงานที่น่าเกรงขาม โดยมีสโมสรอย่าง Al-Hilal และ Al-Ahli คว้าตำแหน่งอันทรงเกียรติ ความสำเร็จดังกล่าวในเวทีระดับทวีปได้หนุนชื่อเสียงของ Saudi Pro League และทำให้สถานะเป็นกองกำลังฟุตบอลระดับภูมิภาค

ความเกี่ยวข้องทางวัฒนธรรมและความหลงใหลในฟุตบอล

ฟุตบอลถือเป็นสถานที่พิเศษในหัวใจของชาวซาอุดีอาระเบีย ความหลงใหลในกีฬานั้นฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมของประเทศ โดยการแข่งขันฟุตบอลเป็นกิจกรรมของชุมชนที่รวบรวมผู้คนจากทุกสาขาอาชีพ การสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของแฟน ๆ ที่อุทิศตนช่วยเพิ่มบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นในระหว่างการแข่งขัน เพิ่มความน่าสนใจโดยรวมของลีก

การยอมรับระดับโลก

ในขณะที่ลีกสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้รับความสนใจจากวงการฟุตบอลต่างประเทศมากขึ้น สโมสรชั้นนำของยุโรปมีส่วนร่วมในการแข่งขันนัดกระชับมิตรและความร่วมมือกับทีมในซาอุดิอาระเบีย ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรมและกระชับความสัมพันธ์ทางฟุตบอล การยอมรับในระดับโลกนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับศักดิ์ศรีของลีกเท่านั้น แต่ยังทำให้ฟุตบอลซาอุดิอาระเบียกลายเป็นจุดสนใจอีกด้วย

มองไปข้างหน้า

การเพิ่มขึ้นของ Saudi Pro League ถือเป็นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของประเทศ ในขณะที่ลีกยังคงลงทุนในความสามารถ โครงสร้างพื้นฐาน และการตลาด อิทธิพลที่มีต่อภูมิทัศน์ของฟุตบอลทั่วโลกก็เติบโตตามไปด้วย ด้วยฐานแฟนบอลที่หลงใหล สโมสรที่มีการแข่งขันสูง และความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อความเป็นเลิศ Saudi Pro League จึงพร้อมสำหรับอนาคตที่สดใสและสดใส

post

เรอัล มาดริดกับภาคที่ 2 ของซีดาน

เมื่อครั้งที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซประธานคนเก่งของเรอัล มาดริดกำลังตกที่นั่งลำบาก หลังกลับมารับตำแหน่งเป็นคำรบที่ 2 เมื่อราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลูกหม้อของทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ จนถูกปลดออกจากตำแหน่งและแทนที่โดยซีเนดีนซีดาน อัจฉริยะลูกหนังชาวฝรั่งเศสมาคุมทัพต่อจากกุนซือร่างอ้วนชาวสเปน ซีดานซึ่งแทบจะไม่มีประสบการณ์เลย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ซีดานได้พาเรอัล มาดริดประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้ถึง 3 ปีติด จนนักพนันหลาย ๆ คนก็ยังคงทุ่มเงินเดิมพันให้กับทีมอย่างเชื่อมั่น โดยผู้เล่นที่แทบจะเป็นชุดเดิม ๆ จากราฟา แต่ในตอนต้นฤดูกาลก่อนซีดานได้จากทีมไปช็อกวงการ โดยท่านประธานได้ดึง “ฆูเล็น โลเปเตกลี” ก่อนที่ “ซานติอาโก้ โซลารี่” กุนซือชาวอาร์เจนติน่าจะเข้ามาคุมทีมเป็นช่วงสั้น ๆ และเป็นซีดานที่กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ก่อนจบฤดูกาลก่อน

การกลับมาทุ่มเงินซื้อนักเตะยังมหาศาลอีกครั้ง

เรอัล มาดริดใช้เม็ดเงินไปกว่า 250 ล้านปอนด์ เพื่อคว้านักเตะชั้นยอดเข้ามาร่วมทีมหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะเอแด็ง อาซาร์จากเชลซีที่ย้ายมาด้วยค่าตัวถึง 130 ล้านปอนด์กลายเป็นนักเตะค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรคนใหม่ต่อจากแกเร็ธ เบลทันที รวมถึงลูก้า โยวิชกองหน้าสุดฮอตจากแฟรงเฟิร์ตสโมสรดังในบุนเดสลีกาที่ย้ายมาด้วยค่าตัวแพงระยับถึง 55 ล้านปอนด์โดยประมาณ รวมถึงคนอื่น ๆ อย่างเอแดร์ มิลิเตากองหลังจากปอร์โต้, แฟร์ล็องด์ เมนดี้แบ็คซ้ายจากโอลิมปิก ลียง ที่มีค่าตัวประมาณคนละ 30 ล้านปอนด์ และไม่เพียงแต่เท่านั้น ซีดาน ยังต้องการนักเตะอย่างปอล ป็อกบาหรือคริสเตียน อิริคเซ่นเข้ามาเสริมทีมแทนลูก้า โมดริชที่ใกล้จะปลดระวาง รวมทั้งซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสคนปัจจุบันอย่างคีเลียน เอ็มบัปเป้ เขาคือนักเตะที่แฟนบอลมาดริดอยากได้มากที่สุด และตัวเขาเองก็เป็นแฟนบอลของมาดริดและมีคริสเตียโน่โรนัลโด้เป็นนักเตะในดวงใจด้วยเช่นกัน

ทีมที่ไม่ลงตัว

การได้ซีดานกุนซือคนเก่งกลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนซีดานจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยเพื่อจะทำให้ทีมลงตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อทีมเหลือเพียงคาเซมิโร่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับคนเดียว, ยังไม่มีตัวแทนลูก้า โมดริช, นักเตะใหม่ยังมิลิเตาและโยวิชยังต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับทีมอีกพอสมควร แถมอาซาร์ก็เจ็บตั้งแต่เปิดซีซั่น ทำให้ซีดานต้องกลับไปใช้นักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมก่อนหน้านี้อย่างฮาเมส โรดริเกซหรือแกเร็ธ เบลลงเล่นร่วมกับคาริม เบนเซม่าซึ่งกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้เรอัล มาดริดจะเป็นจ่าฝูงในลาลีกาด้วยผลงานที่ยังไม่แพ้ใคร ซึ่งสวนทางกับฟอร์มการเล่นของทีมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยในแชมเปี้ยนลีก แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะคู่ปรับอย่างบาร์เซโลน่าและแอตเลติโก มาดริดยังหาฟอร์มของตัวเองไม่เจอด้วยเช่นกัน

แชมเปี้ยนลีกของซีดาน

ถึงแม้ปัญหาภายในทีมจะยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซีดานยังคงมีปัญหากับการคว้าตัวนักเตะที่เขาต้องการ รวมถึงยังไม่สามารถขายนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปได้เลย ทำให้ข้อจำกัดในการทำทีมรวมถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ แต่ถึงอย่างนั้นเรอัล มาดริดของซีดานก็ยังเป็นทีมที่เต็มไปด้วยขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมที่พอจะสร้างความมั่นใจคืนให้นักพนันได้อุ่นใจอีกครั้ง และประสบการณ์อันล้นเหลือของนักเตะและผู้จัดการทีม เมื่อรวมกับแผนการอันแยบยลของซีดานซึ่งเคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คงไม่มีใครมองข้ามราชันย์แห่งยุโรปและหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในโลกและคว้าแชมป์รายการนี้มากกว่าใคร ๆ

post

สเปอร์สกับฤดูกาลที่ต้องดีกว่าเดิมในยุคของพอช

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เป็นหนึ่งในสโมสรดังในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ สเปอร์สเคยเป็นเจ้าของสถิติคว้าแชมป์เอฟ เอ คัพ สูงที่สุด ก่อนจะเสียสถิตินี้ให้กับอาร์เซนอลทีมคู่ปรับร่วมเมืองในปัจจุบัน โดยพวกเขา  คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1990-91 และก่อนที่ทีมจะสามารถทำได้เพียงคว้าแชมป์ถ้วยเล็กอย่างลีกคัพได้ในอีก 2 ครั้งต่อมาในปี 1998-99, 2007-08 ซึ่งนั่นยังห่างไกลจากเป้าหมายและความคาดหวังของแฟนบอลรวมถึงบอร์ดบริหารของทีม

การบริหารและพัฒนาทีมของคนรุ่นใหม่

หลังจากดาเนี่ยล เลวี่ได้เข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสรต่อจากเซอร์อลัน ชูการ์ เขาและกลุ่มอีนิคได้เปลี่ยนแปลงสเปอร์สไปอย่างมากมาย มีทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว ทั้งในเรื่องการของทีมและนักเตะ และแม้ว่าตลอด 30 ปีที่ผ่านมาสเปอร์สจะไม่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์รายการใด ๆ เลยแต่สเปอร์สก็ได้ยกระดับทีมขึ้นเป็นหัวแถวในพรีเมียร์ลีกส์ได้สำเร็จ และที่สำคัญที่สุดพวกเขาได้สร้างสนาม “ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์สเตเดี้ยม” ที่ทันสมัยสามารถจุแฟนบอลมากกว่า 60,000 ได้สำเร็จ

ชายชื่อ”เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่”

“พอช” เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าในปีล่าสุดร่วมกับเจอร์เก้น คล็อปป์แล เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตการเป็นโค้ชของโปเช็ตติโน่ เขายังไม่เคยคว้าแชมป์ใด ๆ ได้เลยแม้แต่รายการเดียว แต่การสร้างให้สเปอร์กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้อย่างมีคุณภาพ น่าตื่นตาตื่นใจ ปลุกปั้นนักเตะชั้นนำขึ้นชุดเยาวชนหลายต่อหลายคนทั้ง แฮรี่ เคน, เดเล่ อัลลี, ไคล์ วอร์คเกอร์(ย้ายไปแมนฯซิตี้) และการพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมาโดย ที่ไม่ซื้อนักเตะเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว ได้พิสูจน์ความสามารถในการทำทีมที่เขาได้เป็นอย่างดี

แชมป์แรกของพอช? กับความสำเร็จของสเปอร์ส

อย่างไรก็ดีในปีนี้สเปอร์สของพอชได้ทุ่มเงินแตะหลัก 100 ล้านปอนด์เพื่อแลกนักเตะชั้นนำมาร่วมทีม อย่างต็องกี เอ็นดองเบลเล่ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสจากสโมสรลียง ที่ย้ายมาด้วยค่าตัวสถิติสโมสรกว่า 60 ล้านปอนด์, โจวานนี่ โล เซลโซ มิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนตินา จากเรอัล เบติส ที่ย้ายมาด้วยสัญญายืมพร้อมออปชั่นซื้อขาด 45 ล้านปอนด์ ถึงจะเป็นการเสริมทัพที่ตรงจุด แต่สเปอร์สก็พบปัญหานักเตะหลายคนในทีมที่เริ่มอิ่มตัวกับทีม หรือใกล้หมดสัญญาอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลล์ และยาน แฟร์ทองเก้น ทำให้ทีมยังมีผลงานที่ไม่ดีเท่าที่ควรในพรีเมียร์ลีก โดยพลาดท่าพ่ายในบ้านกับนิวคาสเซิลอย่างชนิดหักปากกาเซียน พอชจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร จะผ่านมันไปพร้อมกับสเปอร์สได้หรือไม่ในฤดูกาลที่เขาไม่สามารถหาคำแก้ตัวได้อีกแล้ว

 

post

UEFA Champions League 2019 Group G กลุ่มนี้คือสวรรค์ของนักลงทุน

จับสลากแบ่งสายกันไปแล้วสำหรับฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป หรือ UEFA Champions League 2019 ปีนี้ไม่มีกรุ๊ป ออฟ เดธ หรือกลุ่มแห่งความตายให้แฟน ๆ ได้ร้องซี้ดซ้าดเพราะทีมใหญ่ ๆ ไม่กระจุกตัวอยู่ในสายเดียวกัน แต่กลับกันมีทีมที่ภาษาฟุตบอลเรียกว่าทีมไม้ประดับอันแปลได้ว่าทีมที่เข้าแข่งขันในรายการให้พอเป็นสีสันไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไรอยู่ร่วมสายกันเสียอย่างนั้น แน่นอนนักลงทุนถึงกับลูบปากเพราะนี่คือโอกาสดีที่จะล้มโต๊ะจริง ๆ แล้ว และกลุ่มที่ว่าก็คือกรุ๊ป G ที่ประกอบไปด้วยทีมต่าง ๆ เหล่านี้

โอลิมปิค ลียง ทีมจากลีกเอิงสร้างความประทับใจในรายการนี้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกได้ทั้งยังสามารถเสมอกับโคตรทีมแกร่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในรอบ 16 ทีมได้จนเป็ป กวาดิโอล่าต้องออกปากชมนักเตะหลาย ๆ คนของโอแอลว่าเป็นผู้เล่นที่มีอนาคต ซึ่งด้วยบุญเก่าที่ทำไว้ดีในกลุ่มนี้ทีมดังจากฝรั่งเศสจึงถูกวางให้เป็นทีมเต็งแชมป์ของสายเหนือกว่าทีมอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย

เบนฟิก้า ทีมชั้นนำจากลีกโปรตุกีสไม่มีสตาร์ดังเหมือนทีมอื่น ๆ แถมยังเสียนักเตะพรสวรรค์สูงอย่างชูเอา เฟลิกซ์ไปให้ทีมตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด แม้จะเป็นรองทีมอื่นในกลุ่มพอประมาณ แต่ด้วยความที่ทีมเหยี่ยวแดงเป็นฟุตบอลที่เล่นกันอย่างมีวินัย ทีมเวิร์คยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขาพอจะมีโอกาสเก็บแต้มในบ้านได้บ้างแต่สำหรับการออกไปเยือนต้องบอกว่าโอกาสมีแต้มอยู่ที่ 50/50 เท่านั้น

แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมเต็งที่ VWIN จัดให้อยุ่ในอันดับสองของกลุ่มมีดีเรื่องเกมรุกและเกมรับอยู่พอตัวแต่ยังอ่อนประสบการณ์ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปรวมทั้งเรื่องการรักษาฟอร์มให้สม่ำเสมอ สำหรับฟอร์มในบ้านพอเชื่อขนมกินได้และนักวิเคราะห์หลายคนก็ให้ความเห็นว่าโอกาสในการได้แชมป์กลุ่มค่อนข้างสูสีกับโอลิมปิค ลียงอยู่พอสมควร

เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อดีตทีมเงินถุงเงินถังจากลีกรัสเซียถูกวางให้เป็นทีมม้ามืดในกลุ่มนี้เพราะเป็นทีมที่มีนักเตะชื่อดังอยู่หลายคนโดยเฉพาะศูนย์หน้าตัวอันตรายทีมชาติอิหร่านอย่างซาร์ดา อัซมูน แต่ปัญหาของพวกเขาก็พอมีอยู่เพราะบรรดาแนวรับหลายคนของทีมอยู่ในช่วงโรยรา ซึ่งถ้าผ่านการกรำศึกหนักติดต่อกันทั้งในลีกและฟุตบอลยุโรปก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่พอ ๆ กันทั้งรอดเข้ารอบหรือร่วงไปเล่นยูโรป้าลีก

นี่คือการแนะนำจุดแข็งและจุดอ่อนของทีมร่วมกลุ่ม G ในรายการ UEFA Champions League 2019 เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ดีในกลุ่มนี้ก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนวางเดิมพันที่สุดแล้วเพราะอัตราต่อรองในแต่ละเกมบวกลบไม่น่าจะเกิน 0.0-0.5 เนื่องจากแต่ละทีมศักดิ์ศรีไม่ห่างกันมากนักและถ้าหากนักลงทุนหาข้อมูลแน่น ๆ วิเคราะห์ดี ๆ ก็คาดเดาผลการแข่งขันได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น ๆ ค่อนข้างมากเลยทีเดียว