post

ลีดส์ ยูไนเต็ด น้องใหม่หน้าเก่าที่น่าจับตามอง

ถ้าพูดถึงทีมดังในอดีตที่แฟนบอลพรีเมียร์ลีกและเหล่านักพนันทั่วโลกได้ตั้งตาคอยให้กลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งคงหนีไม่พ้น ทีมอย่างยูงทองลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เคยรวมยอดดาวดังในอดีตไว้อย่างมากมายในยุค 2000 รวมถึงเคยเข้ารอบรองชนะเลิศยูยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 2000/2001 อีกด้วย แต่ด้วยปัญหาทางการเงินที่ทำให้พวกเขาติดหนี้มากจนเกินสมดุลและต้องปรับขนาดทีมมากมายจนกระทั่งตกชั้น พร้อมกับเปลี่ยนมือเจ้าของอีกมากมายจนกระทั่งกลายเป็นของแอนเดรีย ราดิซซานี่ที่เป็นคนจ้างกุนซือที่ชื่อว่ามาร์เซโล บิเอลซ่าและสามารถพาทีมกลับมาอยู่พรีเมียร์ได้สำเร็จ โดยความน่าสนใจของทีมยูงทองนี้อาจจะกลับมาวาดลวดลายได้อย่างสวยงามอีกครั้งในลีกสูงสุดก็คงหนีไม่พ้นความสามารถของผู้จัดการและขุมกำลังของทีมที่เต็มไปด้วยดาวเตะพลังหนุ่มเป็นส่วนใหญ่

คาแรคเตอร์ของทีมกับการผลักดันดาวรุ่ง

อลัน สมิธ, ลี โบว์เยอร์หรือเจมส์ มิลเนอร์ต่างเป็นชื่อที่คุ้นหูสำหรับคนที่พูดฟุตบอลมาเป็นเวลานาน ซึ่งพวกเขาถือเป็นนักเตะที่คอยวนเวียนเล่นให้กับทีมต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีกและมีจุดเริ่มต้นฉายแววตั้งแต่สมัยอยู่กับทีมยูงทองนั่นเอง โดยการผลักดันนักเตะอายุน้อยมักจะเป็นสูตรสำเร็จที่แฟนบอลรุ่นใหญ่คุ้นเคยเสมอ และสำหรับทีมลีดส์ ยูไนเต็ดในยุคปัจจุบันก็ยังคงถือคตินี้อยู่เช่นเดิม เมื่อลองมองไปที่ตัวผู้เล่นของทีมจะพบว่าส่วนใหญ่มักจะมีอายุไม่เกิน 27 ปีเลยทีเดียวและศูนย์หน้าตัวความหวังอย่างแพททริค แบมฟอร์ดก็มีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น ซึ่งด้วยความที่มีนักเตะวัยหนุ่มเป็นจำนวนมากทำให้การเล่นฟุตบอลแบบไล่เพรสซิ่งกดดันคู่แข่งจึงเป็นไม้ตายหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกรองหรือแชมป์เปี้ยนชิพได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมความสิทธิเลื่อนชั้นกลับมาอยู่ในพรีเมียร์ได้ในที่สุด

บิเอลซ่ากุนซือผู้มีแนวทางของตัวเอง

อาวุธที่สำคัญของทีมลีดส์ ยูไนเต็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่พวกเขามีผู้จัดการทีมอย่างมาร์เซโล บิเอลซ่านั่นเอง แม้ว่าตัวกุนซือคนนี้จะไม่ได้มีถ้วยรางวัลประดับตู้มากนัก แต่ด้วยฝีมือความเขี้ยวของเขากลับโด่งดังไปทั่วแดนละตินเลยทีเดียว นักพนันเองก็รู้ดีถึงฝีมือของเราที่เชื่อขนมกินได้ และเป็นคนหนึ่งที่แม้แต่ยอดผู้จัดการทีมอย่างเปป กวาร์ดิโอลายังต้องให้ความเคารพว่าเขาคือของจริง โดยเรื่องขึ้นชื่อของบิเอลซ่าก็คือการใช้จิตวิทยากับนักเตะ ซึ่งบางครั้งนักเตะอาจจะไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำว่าเขาต้องการอะไรหรือคำสอนของเขาเป็นเรื่องล้อเล่นกันแน่เช่น การท้านักเตะในทีมให้ตัดนิ้วถ้าหากทีมของเขาแพ้เป็นต้น รวมถึงข่าวฉาวเรื่อง Spy Gate ที่บิเอลซ่าได้ส่งแมวมองไปดูทีมคู่แข่งซ้อมเสมอ จนโดนวิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อ 2 ปีก่อน แต่สุดท้ายแล้วเทคนิคที่เขามีก็คือความเขี้ยวและการใส่ใจทีมคู่แข่งนั่นเองทำให้ลีดส์ ยูไนเต็ดอาจจะไม่ใช่เด็กใหม่อ่อนประสบการณ์ที่ทีมอื่น ๆ จะมาปราบได้อย่างง่ายดายตามที่คิด

การกลับลีกสู่พรีเมียร์ลีกอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับลีดส์ เพราะต้องพยายามมาถึง 16 ปีด้วยกัน แต่การรักษามาตรฐานอาจจะเป็นเรื่องยากมากกว่า เพราะลีกที่มีการแข่งขันสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาจจะต้องใช้ความสามารถจากเหล่านักเตะและโค้ช รวมถึงฝ่ายบริหารที่จะช่วยให้ทีมอยู่ตลอดรอดฝั่ง แต่ด้วยฝีมือของผู้จัดการทีมรวมถึงการสนับสนุนอย่างดีจากประธานสโมสรทำให้ทีมยูงทองอาจจะกลับมาสร้างเซอร์ไพรส์บินสูงกว่าที่แฟนบอลคาดหวังกันในปีนี้

post

มาร์ซิยาล กับตำแหน่งกองหน้าเบอร์ 9 ที่คู่ควร

สำหรับทีมที่เคยมีนักเตะอย่างแอนดี้ โคล, เวนย์ รูนี่ย์ หรือรุด ฟาน นิสเตอรอยด์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมขุมกำลังของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถึงดูลดความดุดันลงไป เมื่อเทียบกับทีมยุคก่อน เพราะความเฉียบคมของนักเตะเหล่านี้เองเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมพวกเขาถึงความแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 13 สมัยและดาวซัลโวในหลาย ๆ ปีที่พวกเขาแข่งขัน จนกระทั่งมาถึงในยุคปัจจุบันที่กองหน้าของทีมที่เป็นตัวหลักก็คือแอนโทนี่ มาร์ซิยาลกับมาร์คัส แรซฟอร์ดที่อาจจะโชว์ผลงานที่ยังไม่เข้าตาแฟนผีมากนัก แต่สำหรับรายแรกอาจจะเป็นเพชรในตมที่รอการเจียระไนและแสดงฝีมือที่แท้จริงเมื่อเขาได้รับโอกาสในการเล่นในตำแหน่งที่ถนัดอย่างเบอร์ 9 นั่นเอง

ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส

สำหรับแอนโทนี่ มาร์ซิยาลถือเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากคนหนึ่งเมื่อได้รับการเซ็นสัญญาย้ายจากสโมสรโมนาโกมาอยู่กับทีมปีศาจแดงในปี 2015 ด้วยมูลค่าถึง 36 ล้านปอนด์ ผ่านสายตาของหลุยส์ ฟานกัล ผู้จัดการทีมในขณะนั้น โดยเขาถือว่าทำผลงานได้ดีหลังจากที่ลงเล่นกับทีมในฤดูกาลแรกไปถึง 49 เกมและทำประตูได้ถึง 17 ประตู ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับนักเตะวัย 19 ปี แต่ทว่าในช่วงปีถัดมามีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมและการมาของโจเซ่ มูรินโญ่และซลาตัน อิบราฮิโมวิชก็ทำให้มาร์ซิยาลหาตำแหน่งลงเล่นได้ยากมากขึ้น และมักถูกย้ายไปอยู่ริมเส้นเสียส่วนใหญ่ทำให้เขายิงประตูได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ปีต่อมาจะเป็นโรมาลู ลูกากูที่ทางแมวมองซื้อมาเพื่อเป็นตัวแทนของอิบราฮิโมวิชที่ย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่ ก็ทำให้เขากลายเป็นตัวสำรองให้กับทีมจนทำให้อนาคตของเขาถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมากถึงการเป็นกองหน้าให้กับทีมปีศาจแดง ณ ขณะนั้น

กองหน้าเบอร์ 9 ตัวจริง

สุดท้ายแล้วโอกาสของมาร์ซิยาลก็มาถึงพร้อมกับผู้จัดการทีมที่ชื่อโอเล กุนนาร์ โซลชา ที่เป็นคนชุดเยาวชนให้กับทีมมาก่อน และพร้อมให้โอกาสเด็กปั้นของทีมต่างจากกุนซือคนอื่น ๆ ที่ต้องการความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งเลือดปีศาจของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เริ่มทำงานทันที เมื่อส่วนผสมของนักเตะวัยรุ่นกับวัยเก๋าทำให้ทีมผีแดงเริ่มมีทิศทางการเล่นและจิตวิญญาณที่ดีมากขึ้น รวมถึงมาร์ซิยาลที่เริ่มกลับมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าที่ถนัดได้อีกครั้ง จากการประสานงานระหว่างเจ้าตัวกับมาร์คัส แรชฟอร์ดที่มักจะสลับตำแหน่งในการเล่นเสมอทำให้ปี 2019-2020 ซึ่งเป็นปีแรกที่โซลชาได้คุมทีมเต็มฤดูกาล ทำให้เจ้าของเบอร์ 9 ในปัจจุบันสามารถประตูไปได้ถึง 23 ลูกจากการลงเล่นเพียง 48 นัดเท่านั้น จนถือว่าเป็นกองหน้าคนสำคัญของทีมไปแล้วในเวลานี้

ด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้นทำให้แอนโทนี่ มาร์ซิยาลน่าจับตามองมาก เพราะเขามีโอกาสจะกลายเป็นนักเตะระดับโลกได้หากยังสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดุดันได้อย่างฤดูกาลที่ผ่านมา แถมบรรดาเซียนพนันก็ยกให้เป็นหนึ่งในนักแตะในดวงใจ รวมถึงภาพรวมของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่นำโดยโซลชา หากว่าเขามีขุนกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นจากนักเตะที่เป็นลูกหม้อของทีม อาจจะทำให้การกลับมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องเกินฝัน และกองหน้าอย่างมาร์ซิยาลอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้วันนั้นมาถึงโดยเร็วอย่างในแฟน ๆ ต้องการ

 

post

สเปอร์กับความหวังเพื่อกลับไปเป็นยักษ์ใหญ่อีกครั้ง

ในฤดูกาล 2019/2020 คงถือเป็นปีที่น่าเศร้าใจสำหรับแฟนบอลทีมไก่เดือยทองท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ที่จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 6 และคว้าสิทธิ์ไปแข่งในรายการยูฟ่า ยูโรป้าลีกหรือถ้วยเล็กของเกมยุโรปเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่พวกเขาเคยทำไว้หลังจากที่ฤดูกาลก่อนสามารถลงแข่งในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศแม้จะพ่ายให้กับลิเวอร์พูลทีมคู่แข่งจากประเทศเดียวกันไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ความพ่ายแพ้นี้จะลงผลอย่างหนักให้กับทีมสเปอร์จนฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงในตัวผู้จัดการทีมจะเกิดขึ้นจนทำให้ทีมไก่เดือยทองเริ่มมีความหวังในการกลับไปเป็นยักษ์ใหญ่ที่พวกเขาเคยเป็นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ความผิดหวังที่กระทบถึงทีมในฤดูกาลถัดมา

กลายเป็นข้ออ้างที่ดูมีมูลของสเปอร์ทันทีว่าพวกเขาและแฟน ๆ ที่เลือกวางเดิมพันข้างเขาเสียใจอย่างมากที่ไม่ได้แชมป์ในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกทั้งทีพวกเขาสามารถไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วก็ตาม โดยพวกเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งได้เพียง 3 เกมจาก 12 เกมแรกในฤดูกาลนี้ก่อนที่ผู้จัดการคนเก่าอย่างเมาริซิโอ พอเชตติโน่จะถูกปลดออกมาสโมสร แล้วแต่งตั้งผู้จัดการที่เคยคว้าแชมป์มาแล้วกับทุกทีมอย่างโจเซ่ มูรินโญ่มาแทน แม้ผลงานของทีมจะดีขึ้นและเริ่มไต่อันดับขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางได้สำเร็จ แต่ด้วยขุมกำลังที่น้อยเกินไป รวมถึงการเสียตัวทำเกมอย่างคริสเตียน เอริคเซ่นไปให้กับอินเตอร์ มิลาน แต่ไม่มีใครมาทดแทนในตำแหน่งเดียวกัน อีกทั้งอาการบาดเจ็บรบกวนกองหน้าตัวเก่งของทีมทั้งแฮร์รี่ เคนและซอง ฮง มินทำให้ทีมเสียสมดุลและไม่อาจบินสูงได้อย่างที่เคยเป็น

ความเก๋าเกมของมูรินโญ่

สิ่งที่ดูเป็นความหวังของทีมไก่เดือยทองได้อย่างดีในอนาคตคือการที่มีตัวกุนซือที่ชื่อว่ามูรินโญ่นั่นเอง ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จกับทุกสโมสรที่เขาเคยคุมทีม ไม่ว่าจะเป็นปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน หรือล่าสุดอย่างทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งชื่อของเขาเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามกับพอชเชติโน่ซึ่งมีรูปแบบการเล่นที่สวยงามแต่มักจะตายน้ำตื้นเป็นได้แค่ที่สองเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่กุนซือชาวโปรตุเกสเข้ามาคุมสเปอร์ ทีมของสามารถคว้าชัยในลีกได้ถึง 13 นัดจาก 26 เกมและแพ้ไปเพียง 7 เกมเท่านั้น ซึ่งในหกเกมสุดท้ายพวกเขาไม่แพ้ใครเลยจนสามารถทำอันดับกลับไปเล่นในถ้วยใบเล็กของยุโรปได้สำเร็จ จะเห็นได้ว่าเมื่อทีมของมูรินโญ่เริ่มลงตัวแล้วจะกลายเป็นทีมที่แพ้ยากและพร้อมปิดเกมเสมอ ด้วยเหตุนี้หากพวกเขาได้ผู้เล่นเกมรุกมาช่วยแบ่งเบาภาระของกองหน้า น่าจะทำให้สเปอร์กลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ที่น่ากลัวเหมือนที่เคยเป็นอย่างหลายปีก่อน

แฟนบอลของสเปอร์และเหล่านักพนันยุคนี้ อาจจจะใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับสไตล์ใหม่ของทีม ซึ่งจากเดิมเน้นเกมรุกไปสู่การเล่นเพื่อเอาชนะเท่านั้นตามสไตล์ของผู้จัดการทีม ที่มักจะไม่ถูกใจแฟนบอลทีมอื่น ๆ ที่ตัวมูรินโญ่เคยคุมผ่านมาแต่สิ่งหนึ่งที่รับประกันได้เสมอก็คือพวกเขาจะกลายเป็นทีมที่เก๋าเกมและการคว้าแชมป์ตามสไตล์มูรินโญ่อาจเกิดขึ้นอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งสุดท้ายคนที่จะมีความสุขที่สุดก็หนีไม่พ้นเดเนียล เลวี่ส์และแฟนบอลของทีมนั่นเอง

 

post

เป็ป กวาดิโอล่ากับความผิดหวังในถ้วยยุโรปยักษ์เสมอ

ถ้าหากถามว่าใครคือยอดกุนซือในยุคปัจจุบัน หนึ่งชื่อที่ต้องเอ่ยขึ้นมาของแฟนบอลและเหล่านักพนันบอลชั้นเซียนคงเป็นอดีตตำนานกงอกลางของบาร์เซโลน่าอย่างเป็ป กวาดิโอล่าต้องเป็นคำตอบยอดนิยมอย่างแน่นอน ซึ่งกวาดิโอล่าถือเป็นผู้จัดการทีมที่สามารถคว้าแชมป์ลีกให้กับทุกทีมที่เคยไปไม่ว่าจะเป็นบาร์เซโลน่าเอง บาเยิร์น มิวนิคและสโมสรปัจจุบันอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ แต่ทว่าฝันร้ายของเป็ปก็มีอยู่เช่นกันคือ นอกจากสมัยอยู่กับบาร์ซ่าแล้ว เขาไม่สามารถพาทีมอื่นคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้อีกเลย ไม่ว่าจะคุมทีมบาเยิร์นในยุคที่ริเบอรี่และร็อบเบนยังคงฟอร์มเก่งอยู่ หรือจะเป็นทีมเรือใบสีฟ้าในยุคที่กองกลางแข็งแกร่งและกองหน้ามากฝีมืออย่างกุน อเกวโร่ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับไปได้ไกลเพียงแค่รอบรองชนะเลิศเท่านั้น

เป็ปกับทีมเสือใต้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงก่อนเลือกคุมทีมเสือใต้บาเยิร์น มิวนิค เป็ป กวาดิโอล่ามีทางเลือกอีกทางคือการไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง แต่ทว่าเขากลับปัดข้อเสนอนี้ไปในปี 2013 และการเลือกบาเยิร์นก็ทำให้เขากลายเป็นแชมป์บุนเดสลีกาถึง 3 สมัย แต่ทว่าเส้นทางในถ้วยยุโรปกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อปีแรกของเป็ปทำได้แค่เพียงเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายก่อนไปพ่ายให้รีล มาดริดไปด้วยผลประตูรวม 5-0 และเป็นการแพ้ครั้งแรกในสนามของมาดริด นับตั้งแต่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เซียนพนันทั้งหลายจึงต้องอกหักและตะลึงไปตาม ๆ กัน ก่อนที่ปีถัดมาเป็ปจะได้เจอกับทีมเก่าอย่างบาร์เซโลน่าไปด้วยสกอร์ 3 ต่อ 5 ซึ่งพวกเขาออกไปพ่ายทีมจากคาตาลันก่อนถึง 3-0 ด้วยกัน จนกระทั่งปีสุดท้ายของกวาดิโอล่าที่มิวนิค เขาพาทีมเสือใต้ไปจบลงที่รอบสี่ทีมเช่นเดิม เมื่อพ่ายให้แก่แอตแลนติโก มาดริดด้วยกฎประตูทีมเยือนหลังจากเสมอกับทีมตราหมีในสกอร์ 2-2 แต่การเสียประตูในถิ่นตัวเองทำให้พวกเขาต้องตกรอบไปอย่างน่าเจ็บใจ และต้องบอกลาทีมเสือใต้ไปหลังหมดสัญญา

ผู้นำทีมเรือใบสีฟ้า

สิ่งที่เป็ป กวาดิโอล่าเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมก็คือการที่เขาสามารถทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีแผนการเล่นที่แข็งแกร่งและเกมรุกที่ชาญฉลาดอย่างเห็นได้ชัด การนำทีมโดยเดวิน เดอ บรอยด์ทำให้เป็ปสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ 2 สมัยรวดในปี 2018 และ 2019 แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เรือใบสีฟ้ายังคงทำไม่ได้ก็คือการเป็นเจ้ายุโรปสักครั้งนั่นเอง และการมีเป็ปเข้ามาน่าจะทำให้เป้าหมายนี้ประสบความสำเร็จได้ในอนาคต แต่ในฤดูกาลแรกของเขากลับทำได้เพียงตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น หลังจากเสมอสโมสรโมนาโกด้วยสกอร์ 6-6 แต่ตกรอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน ก่อนที่สองปีต่อมาพวกเขาจะเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ต้องตกรอบไปด้วยน้ำมือของคู่แข่งในลีกทั้งลิเวอร์พูลและท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์สอย่างน่าเจ็บใจ จนในฤดูกาล 2020 ที่ลงแข่งในสนามกลางและพวกเขาถือเป็นตัวเต็งในรายการนี้เพราะถ้วยยูฟ่า แชมปเปี้ยนส์ลีกถือเป็นความสำเร็จสุดท้ายที่กวาดิโอล่าจะครองได้ก่อนหมดฤดูกาล ทว่าเรือใบสีฟ้ากลับพลาดท่าแพ้โอลิมปิก ลียงไปในรอบอาถรรพ์ 8 ทีมสุดท้ายนั่นเอง

ความผิดหวังนี้เองที่ทำให้เป็ป กวาดิโอล่ายังคงต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนักเพื่อที่จะลบคำสบประมาทว่าเขาสามารถเป็นเจ้ายุโรปได้ก็ต้องเมื่อมียอดทีมอยู่ในมือเท่านั้น และด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติของวงการฟุตบอลทั่วโลก จึงไม่แปลกที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะได้เปรียบในเรื่องของจำนวนเงินทุนที่อัดฉีดเข้ามาในสโมสร แล้วการคว้าตัวนักเตะระดับสูงอาจจะเป็นทางออกเพื่อให้ทีมเรือใบสีฟ้ากลับมาโลดแล่นอย่างสง่างามอีกครั้งในฤดูกาลต่อไป

post

ให้คะแนนแลมพ์พาร์ดในการคุมทีมรักปีแรก

ถือว่าปิดฤดูกาลไปอย่างสวยงามสำหรับแฟนบอลและคนที่ถือหางเดิมพันข้างสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ที่สามารถทำอันดับไปเล่นแชมเปียนส์ลีกลีกได้ในฤดูกาลหน้าแม้ว่าพวกเขาจะโดนห้ามซื้อขายนักเตะไปถึง 1 รอบตลาดก็ตาม แต่ด้วยฝีมือการคุมทีมของตำนานเบอร์ 8 อย่างแฟรงค์ แลพพาร์ดที่พาลูกทีมวัยผสมกลับสู่เส้นทางไปเล่นถ้วยใหญ่ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จในอันดับที่ 4 รวมถึงผลงานในฟุตบอลถ้วยที่เขาสามารถพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศในรายการเก่าแก่ของประเทศอังกฤษอย่างเอฟเอ คัพ แม้จะพลาดท่าเสียทีให้ทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างไอ้ปืนใหญ่อาร์เซนอลก็ตาม แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นปีที่ไม่เลวของแลมพ์ในฐานะกุนซือหน้าใหม่คนนี้

ผลงานในพรีเมียร์ลีก

ว่ากันว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษถือว่าเป็นลีกฟุตบอลที่มีความหินมากที่สุดลีกหนึ่งในโลก ทั้งกับการลงแตะและเลือกข้างเดิมพัน โดยมักเต็มไปด้วยดาวดังและผู้จัดการทีมยอดฝีมืออยู่มากมาย แต่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่างเชลซีกลับเลือกผู้จัดการทีมระดับแชมป์เปี้ยนชิพอย่างแฟรงค์ แลมพาร์ดเข้ามาคุมทีมในปี 2019/2020 ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นตำนานของทีมและเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในช่วงวิกฤติศรัทธา ของสโมสรเนื่องจากการคุมทีมของนายใหญ่คนเก่าอย่างเมารีซิโอ ซาร์รี่มีความเอาแต่ใจมากจนเกินไปพร้อมกับเป็นช่วงที่ทีมไม่สามารถเสริมทัพจึงทำให้แลมพ์พาร์ดที่นิยมปั้นดาวรุ่งในทีมจึงได้รับโอกาสนี้ ซึ่งตำนานของทีมก็ไม่ได้ทำให้แฟนผิดหวังเมื่อสามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 โดยเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 20 นัดมากกว่าอันดับ 3 อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเสียอีก ซึ่งจุดอ่อนของทีมก็คือกองหลังที่ไม่แข็งแกร่งมากนักจนทำให้ทีมเสียประตูได้ง่าย แต่ข้อดีก็คือขุมกำลังเกมรุกที่เฉียบคมที่มีแทมมี่ อิบราฮัมกองหน้าตัวความหวังที่ทำประตูได้ถึง 15 ประตูด้วยกัน และส่งผลให้ทีมทำประตูในลีกได้ถึง 69 ลูกเป็นรองเพียงแค่สองทีมแรกในตารางอย่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เท่านั้น

ผลงานบอลถ้วย 

เรื่องที่น่าเจ็บใจที่สุดของฤดูกาลนี้ก็คือเชลซีสามารถเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพได้ในปีแรกที่มีแลมพ์พาร์ดเข้ามาคุมแต่ทว่าเขากลับพลาดท่าแพ้อาร์เซนอลไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่ทีมสิงห์น้ำเงินได้โอกาสขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 5 แต่กลับมาโดนทีเด็ดจากปิแอร์ เอเมอร์ริค โอบาเมยองทำสองประตูรวดแซงเอาชนะไปได้ รวมทั้งการชิงแชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพที่ต้องแข่งกับลิเวอร์พูลคู่ปรับในประเทศ และเป็นพวกเขาที่ขึ้นนำได้ก่อนอีกครั้งแต่กลับโดนตีเสมอ แล้วไปดวลจุดโทษแพ้ให้กับหงส์แดงในท้ายที่สุด ก่อนที่ทางด้านถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอย่างแชมเปียนส์ลีกลีก พวกเขาจะมาพ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิคแบบหมดลุ้นไปด้วยสกอร์รวม 7-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และจบฤดูกาลไปแบบมือเปล่า

เป็นที่เข้าใจได้ว่าทีมของแลมพ์พาร์ดมีความเสียเปรียบโดยเฉพาะการเสียโอกาสซื้อนักเตะใหม่เข้าทีมทำให้เขามีทรัพยากรอย่างจำกัด แต่ปลายทางแล้วแลมพ์ยังมีผลงานคุมทีมที่ดีกว่าความคาดหวังของแฟนบอล เพราะทั้งประสบการณ์และตัวผู้เล่นที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนอย่างเก่า ทว่าสิงโตน้ำเงินครามยังจบอันดับด้วยการไปเล่นฟุตบอลยุโรปและยังสามารถเข้าชิงบอลถ้วยได้อีกด้วย ทำให้ผลงานของซุปเปอร์แฟรงค์อยุ่ในระดับ 7 เต็ม 10 หรือเข้าตากรรมการนั่นเอง

post

ไมเคิล โอเว่น กับแชมป์ลีกครั้งเดียวก็พอใจแล้ว

เบบี้โกลหรือไมเคิล โอเว่น ถือว่าเป็น 1 ในตำนานของทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลที่แฟนของทีมอาจจะไม่ชอบนัก เพราะการให้สัมภาษณ์ที่ไม่ให้เกียรติทีม รวมทั้งการย้ายไปอยู่กับคู่ปรับตลอดกาลอย่างปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำเอาแฟนบอลและนักพนันผู้พักดีต่างหันหลังให้กับตำนานของทีมคนนี้ ซึ่งหลังจากที่โอเว่นย้ายออกจากลิเวอร์พูลไปสู่รีล มาดริดเขาก็เริ่มมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนทำให้โชว์ได้ไม่ดีดังเก่า รวมถึงการย้ายถิ่นไปมาจนกระทั่งในปี 2010 ที่ฝันของเขาก็กลายเป็นจริงขึ้นมาก่อนสโมสรที่ปั้นเขาจนโด่งดังจะทำสำเร็จเสียอีก

การย้ายออกจากลิเวอร์พูล

ในช่วงต้นฤดูกาล 2005 ที่ผู้จัดการทีมอย่างเชอร์รา อูลิเยต์ถูกปลดออกจากทีมลิเวอร์พูล ทางไมเคิล โอเว่นก็ได้ย้ายออกจากทีมเช่นกัน โดยเบบี้โกลได้บอกลาทีมหงส์แดงไปพร้อมกับสถิติลงเล่น 297 นัดและทำประตูไปถึง 158 ลูกพร้อมกับสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่สามารถยิงครบ 100 ประตู แต่เส้นทางของโอเว่นกลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังนัก เนื่องจากเขาลงเล่นให้กับรีล มาดริดได้เพียง 45 นัดและทำประตูได้ 16 ลูกเท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำว่ามาตรฐานที่เขาทำได้ในพรีเมียร์ลีก หลังจากไปเล่นในประเทศสเปนได้เพียง 1 ฤดูกาล เขาก็ได้ย้ายไปอยู่ในทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของสโมสรในเวลานั้น แต่เขากลับใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อีกทั้งยังหาช่องทางหนีจากทีมหลังจากที่สาลิกาดงตกชั้นลงไปอยู่ลีกแชมป์เปี้ยนชิพ จนแฟนบอลของทีมเสื้อขาวดำต่างพากันวิจารณ์ตัวโอเว่นอย่างหนักหน่วงที่ไม่มีความจริงใจต่อสโมสรเลยทีเดียว

เสนอตัวไปสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก

แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์มากมายเรื่องที่เขาร่อนจดหมายเสนอตัวให้กับทีมต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีกก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วกลับเป็นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกุนซือทีมคู่ปรับที่นักพนันต้องอ้าปากค้าง ที่เอ่ยปากชวนให้โอเว่นไปร่วมงานกับเขาที่โอลด์ แทฟฟอร์ดและไม่แปลกที่นักเตะร่างเล็กคนนี้จะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ หลังจากโอเว่นใช้เวลาอยู่เพียงปีแรก เขาก็สามารถช่วยทีมปีศาจแดงกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จอีกหนึ่งสมัย ซึ่งลูกยิงสำคัญของเขาในเสื้อสีแดงนี้ก็คือการทำประตูชัยในแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้จนทำให้ผีแดงเอาชนะทีมคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 4 ต่อ 3 ก่อนจะจบฤดูกาลไปก่อนเพื่อนเพราะอาการบาดเจ็บทำให้เขาลงเล่นได้เพียง 31 แมตช์และทำประตูได้ 9 ลูกเท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับทีมต้นสังกัดของเขาและคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยแรกนับตั้งแต่เป็นนักเตะเลยทีเดียว

ผ่านไปเพียงสามปีเท่านั้น ทางไมเคิล โอเว่นก็ได้ประกาศแขวนรองเท้าไปกับสโมสรสโต๊ก ซิตี้หลังจากที่สภาพร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และอาการบาดเจ็บที่เล่นงานมาตั้งแต่สมัยอายุน้อยเริ่มส่งผลจนวิธีการเล่นของเขาเปลี่ยนไปในช่วงท้ายอาชีพของตัวเอง โดยเขายังเป็นเจ้าของสถิติซึ่งสามารถชิงประตูในแมตช์ดาร์บี้ทั้งสี่คู่นับตั้งแต่เมอร์ซีไซต์, เอล กลาซิโก้, ไทน์เวียร์และแมนเชสเตอร์ จนเรียกได้ว่าเขายังคงเป็นตำนานของฟุตบอลอังกฤษแม้ว่าแฟนทีมของหลายทีมอาจไม่ต้อนรับเขาก็ตาม

post

โคโรน่าไวรัส กับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก

สต๊าฟโค้ชเป็นเวลา 14 วัน รวมไปถึง เบนจามิน เมนดี้ กองหลังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องได้รับการกักตัวเนื่องจากสมาชิกครอบครัวตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนั้นเลสเตอร์ ซิตี้ กับ เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นอีกสองสโมสรที่ได้ออกคำสั่งกักตัวนักเตะและสต๊าฟโค้ชของตัวเอง

แม้ระหว่างพักการแข่งขันนี้ นักเตะจะยังคงทำการฝึกซ้อมตามปกติภายใต้การเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ประจำสโมสร เพื่อให้พร้อมสำหรับการลงแข่งขัน แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนดศึกพรีเมียร์ลีกจะกลับมาแข่งขันได้หรือไม่ และหากต้องมีการเลื่อนการแข่งขันออกไปเรื่อย ๆ จะทำอย่างไรกับผลการแข่งขันในฤดูกาลนี้ เมื่อยังเหลือการแข่งขันอีก 9 นัด และยังไม่สามารถหาทีมแชมป์หรือทีมตกชั้นได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้นักพนันที่ VWIN ก็ลุ้นกันใจจรดใจจ่อ ว่าจะได้ลุ้นไปอีกนานแค่ไหน

แม้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะนำโด่งเป็นจ่าฝูงเหนือทีมเรือใบสีฟ้าถึง 25 แต้ม แต่เมื่อคะแนนยังไม่ทิ้งขาดก็ยังไม่ถือเป็นการการันตีแชมป์ ในขณะที่การลุ้นหนีตกชั้นก็กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีทีมท้ายตารางถึง 6 สโมสรที่เข้าข่ายลุ้นหนีตกชั้น จนเกิดเป็นคำถามว่าพรีเมียร์ลีกจะจัดการอย่างไรหากไม่สามารถจัดการแข่งขันต่อได้ ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ ตัดจบฤดูกาลนี้เพียงเท่านี้ โดยยึดตารางคะแนนในปัจจุบันเป็นตัวตัดสิน หรือไม่ก็ให้ผลการแข่งขันที่ผ่านมาทั้งฤดูกาลเป็นโมฆะแล้วเริ่มแข่งขันกันใหม่ตั้งแต่ต้นเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

โดยก่อนหน้านี้ฟุตบอลลีกอังกฤษเคยประกาศให้ผลการแข่งขันเป็นโมฆะมาแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออังกฤษประกาศทำสงครามกับเยอรมัน เป็นผลให้ฟุตบอลดิวิชั่น 1 อังกฤษ ฤดูกาล 1939-40 ต้องถูกยกเลิกการแข่งขันทันที หลังจากเปิดซีซั่นไปได้แค่ 3 นัด ก่อนที่จะกลับมาทำการแข่งขันกันอีกครั้งในฤดูกาล 1946-47 ด้วยกำหนดการแข่งขันเดิม โดยยกเลิกผลการแข่งขันทั้ง 3 นัดแล้วให้เริ่มแข่งขันกันใหม่ตั้งแต่ต้น ซึ่งหากพรีเมียร์ลีกเลือกวิธีการในอดีตเป็นบรรทัดฐาน สโมสรลิเวอร์พูลและสาวกหงส์แดงคงไม่ยอมเป็นแน่ เพราะหากชนะอีกแค่ 2 นัด พวกเขาก็จะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรอย่างเป็นทางการแล้ว

แม้อังกฤษจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมากกว่า 1100 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้โอกาสกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งหลังวันที่ 4 เมษายน น่าเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าพรีเมียร์ลีกจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดอย่างไรในท้ายที่สุด

post

บ่อนรับพนันลดราคาเด้งโซลชาอัลเลกรีเต็งเสียบแทน

แล็กโบรกส์หนึ่งในบริษัทรับพนันถูกกฎหมายชื่อดังในประเทศอังกฤษปรับลดราคาต่อรอง การถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของโอเล่กุนนาร์โซลชาร์ ลงอย่างฮวบฮาบ ด้วยอัตรา 2-1 (แทง 1 จ่าย 2 ไม่รวมทุน) หากกุนซือเบบี้เฟซชาวนอวีเจี้ยน ถูกไล่ออกก่อนหมดฤดูกาลนี้ หลังจากฟอร์มแมนฯยูไนเต็ด ไม่เพียงแต่ไม่กระเตื้อง แต่ยังมีทีท่าดิ่งลงเหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนนึงมาจากปัญหานักเตะหลักของทีมหลายคนบาดเจ็บพร้อมกัน โดยนัดล่าสุดปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกไปพ่ายให้แก่นิวคาสเซิลที่สนามเซนต์ เจมส์ ปาร์คด้วยสกอร์ 1-0 ซึ่งทีมเล่นได้อย่างย้ำแย่ ทำให้แมนฯยูฯของโซลชาอยู่อันดับที่ 12 ในตอนนี้ห่างจากเลสเตอร์ ซิตี้ทีมอันดับ 4 อยู่ 5 แต้ม แต่ห่างจากทีมในโซนตกชั้นอย่างเอฟเวอร์ตันอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น

ปัญหาที่ยังไม่รู้จบของปีศาจแดง

โซลชาต้องรับผิดชอบกับผลงานอันตกต่ำของทีมในฐานะที่เขาคือกุนซือใหญ่แห่งถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดก็จริง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาที่แท้จริงของทีมอาจจะไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ซึ่งบางทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็อาจจะต้องการผู้อำนวยการฟุตบอล เหมือนที่ทุกสโมสรชั้นนำต่างมีผู้มีความรู้และประสบการณ์เรื่องฟุตบอลอย่างแท้จริงมาร่วมสร้างทีม แม้ว่าในฤดูกาลนี้นักเตะที่แมนยูดึงเข้ามาร่วมทีมอย่างดาเนียล เจมส์, วานบิสซาก้าและแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ต่างทำผลงานส่วนตัวกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การที่ทีมขายกองหน้าอย่างโลเมลู ลูกากู และปล่อยอเล็กซิส ซานเชซให้สโมสรอินเตอร์ มิลานยืมโดยไม่ดึงแนวรุกเข้ามาเพิ่ม นั่นทำให้ในตอนนี้แมนฯยูฯแทบไม่เหลือกองหน้าส่งลงสนามเลยเมื่อมาร์คัส แรชฟอร์ดหรืออ็องตัวนี่ มาร์กซิยาลกองหน้าตัวหลักของทีมบาดเจ็บเช่นในปัจจุบัน

การปรับปรุงทีมอย่างเร่งด่วน

การที่บอร์ดบริหารของแมนฯยูจะต้องมองเรื่องการซื้อนักเตะใหม่และการหากุนซือใหม่ไปพร้อมกันเป็นเรื่องที่ไม่เห็นกันบ่อยนัก บริษัทรับพนันถูกกฎหมายยกให้เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่กุนซือคนปัจจุบันของสเปอร์ที่ดูจะมีปัญหากับบอร์ดบริหารเช่นกัน เป็นเต็งหนึ่งที่จะมาคุมทีมปีศาจแดง หรือเต็งสองอย่างมัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรีอดีตกุนซือคนเก่งของยูเวนตุสที่กำลังว่างงานอยู่ก็อีกเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับนักเตะชื่อดังที่เป็นข่าวกับทีม ก็มีทั้งคนเดิมอย่างบรูโน่ แฟร์น็องเดซที่มีข่าวกับทีมมาตลอด, อีวาน ราคิติชซึ่งตกเป็นเพียงตัวสำรองกับบาร์เซโลน่า และแนวรุกอย่างเปาโล ดิบาล่าที่อนาคตยังไม่แน่ชัดกับม้าลายยูเวนตุสรวมถึงกองหน้าอย่างมุสซ่า เดมเบเล่จากโอลิมปิก ลียง ซึ่งพร้อมจะเข้ามาแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแนวรุกในปัจจุบัน

ฤดูกาลที่จ่ายค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

ดูเหมือนฝันร้ายของแมนยูไนเต็ดจะไม่ได้มีเพียงผลงานในสนามเท่านั้น ถึงแม้พวกเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่ร่ำรวยและมีแฟนบอลมากอันดับต้น ๆ ของโลกแต่การต้องจ่ายค่าเหนื่อยถึง 306 ล้านยูโรต่อปี โดยเป็นรองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่จ่ายค่าเหนื่อย 334 ล้านยูโร แต่ผลงานกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเลสเตอร์ ซิตี้ทีมอันดับสี่ของเวทีพรีเมียร์ลีกในปัจจุบันที่ที่จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะเพียง 132 ล้านยูโรต่อปีน้อยกว่าเกือบ 3 เท่าที่แมนฯยูไนเต็ดจ่ายค่าเหนื่อยให้กับนักเตะในปัจจุบันเสียอีก หากนับรวมทุกสโมสรในยุโรปแล้ว แมนฯยูไนเต็ดจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะเป็นอันดับ 4 ในสโมสรของยุโรปโดยเป็นรองแมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาร์เซโลนาและเรอัล มาดริด การปลดโอเล่กุนนาร์โซลชาร์จึงอาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาทั้งหมดและทำให้ทีมกลับมาบินสูงอีกครั้ง

post

ลิเวอร์พูลผงาดขึ้นเป็นเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัว

บริษัทรับพนันถูกกฎหมายในประเทศอังกฤษได้ลดอัตราการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 19 ของลิเวอร์พูลแบบเดี่ยว ๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากที่ทีมหงส์แดงโชว์ฟอร์มร้อนแรงเก็บชัยชนะรวดครบทุกนัดตั้งแต่เปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก ในขณะที่คู่แข่งโดยตรงอย่างทีมเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดหมายถึง 2 นัด เวลาในการรอคอยแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีกำลังจะจบลงแล้ว

เซอร์ไพรส์ไม่สอยสตาร์ร่วมทัพ

ในบรรดากลุ่มบิ๊กซิกมีเพียงเชลซีที่ติดโทษแบนการซื้อขายนักเตะเยาวชนผิดกฎจากฟีฟ่าจนหมดสิทธิ์เสริมทัพ นอกจากเชลซีแล้วไม่ว่าจะเป็น 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์หรือ 2 ทีม จากกรุงลอนดอนอย่างอาร์เซนอลและท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ต่างทุ่มเงินกันกว่าทีมละหลักร้อยล้านปอนด์เพื่อทำการเสริมทัพนักเตะ แม้แต่เอฟเวอร์ตันทีมร่วมเมืองลิเวอร์พูลก็ยังทุ่มเงินกว่า 100 ล้านปอนด์เสริมทัพในฤดูกาลนี้ แต่ลิเวอร์พูลกลับควักกระเป๋าไม่ถึง 2 ล้านปอนด์ เพื่อคว้านักเตะอย่างเซปป์ ฟาน โดน เบิร์ก, ฮาร์วี่ เอลเลียต 2 นักเตะดาวรุ่ง และเอเดรียน นายทวารประสบการณ์สูงชาวสเปนจากสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเพื่อเข้ามานั่งสำรองแทนซิมง มิโญเล่ต์ที่ย้ายออกไปเท่านั้น ทั้งนี้เจอร์เก้น คล็อปป์โค้ชคนเก่งของทีมได้ให้เหตุผลว่าเขามั่นใจในทีมชุดที่มีอยู่แต่มันก็สร้างความแปลกใจและกังวลใจให้กับเหล่าแฟนบอลเดอะค็อปไม่น้อย

ฟอร์มดีมีโชค

แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกปีล่าสุดในฤดูกาลนี้พวกเขาดูจะมีความมั่นใจมากกว่าในปีก่อนมากนักเตะดูมีประสบการณ์และเล่นกันเป็นทีมมากขึ้น แม้จะเริ่มต้นอย่างโชคร้ายที่อลิสซง เบ็คเกอร์นายทวารคนเก่งของทีมและทีมชาติบราซิล ต้องบาดเจ็บตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล แต่เอเดรียน ผู้รักษาประตูประสบการณ์สูงที่ดึงมาจากเวสต์แฮม ทำหน้าที่ทดแทนได้ดีพอสมควรโดยเฉพาะการเซฟจุดโทษในศึกซุปเปอร์คัพนัดชิงกับเชลซีพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ได้ในที่สุดอย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าลิเวอร์พูลก็มีโชคอยู่ไม่น้อย หรืออาจจะด้วยสปิริตแรงกล้าของทีม ทำให้ทีมมักจะได้ประตูในช่วงท้ายเกมอยู่บ่อย ๆ และทำให้เขาบินสูงเหนือใครในฤดูกาลนี้

ปลายทางแห่งความสำเร็จที่ยังยาวไกล

ไม่มีสโมสรใดที่จะออกสตาร์ทได้ดีกว่านี้อีกแล้วพวกเขาเก็บชัยชนะได้ถึง 8 นัดรวดและทำคะแนนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมอันดับ 2 ถึง 6 คะแนน ไม่มีสโมสรใดในลีกชั้นนำของยุโรปสามารถทำได้ดีกว่าพวกเขาอีกแล้วในฤดูกาลนี้นี่มันคือการออกสตาร์ทในฝันชัด ๆ แต่เส้นทางในอีก 30 นัดที่ยังรอพวกเขาอยู่ สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไปได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาเคยแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาแล้วถึง 10 คะแนน ก่อนที่จะขาดเพียง 1 คะแนน จบด้วยอันดับรองแชมป์ลูกค้าเราแนะนำมาอย่างน่าเจ็บช้ำ นี่จะเป็นโอกาสแก้ตัวของลิเวอร์พูลอีกครั้ง และเชื่อว่าพวกเขาจะทำได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน

post

นอริช ซิตี้เจ้านกขมิ้นบินไม่ขึ้น

สโมสรนอริช ซิตี้หรือฉายา “นกขมิ้นสีเหลืองอ่อน” ทีมน้องใหม่พรีเมียร์ลีก เริ่มจะบินไม่ขึ้นเสียแล้ว หลังจากทำท่าว่าจะไปได้ดีในตอนแรก ด้วยเกมรุกที่ดุดันและหัวหอกฟอร์มฮอตอย่างตีโม ปุ้กกี้แต่ในตอนนี้พวกเขาอาจจะต้องกลับสู่เป้าหมายเดิมที่วางเอาไว้ก่อนเปิดฤดูกาลเสียแล้วนั่นคือ “หนีตกชั้น”

ชื่อของตีโม ปุ้กกี้

ตีโม ปุ้กกี้กองหน้ามากประสบการณ์ทีมชาติฟินแลนด์ ผู้เคยลงเล่นให้สโมสรชาลเก้ 04 ในบุนเดสลีกาเยอรมันและกลาสโกว์ เซลติกทีมชั้นนำในสก็อตติชพรีเมียร์ลีกมาแล้วและยังลงเล่นให้ทีมชาติฟินแลนด์ไปถึง 78 นัดทำได้ 22 ประตู  ประสบการณ์และความสามารถในการยิงประตูของปุ๊กกี้ช่วยนอริช ซิตี้ได้อย่างมากมาย แมวสามารถทำได้ถึง 5 ประตูจาก 3 นัดแรก โดยเฉพาะนัดที่เปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดไปได้ 3 ประตูต่อ 1 ปุ้กกี้คนเดียวทั้ง 3 ประตูทำแฮตทริกได้เป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก แม้แต่ 2 ทีมเต็งอย่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ยังไม่สามารถหยุดความฮอตของปุ้กกี้เอาไว้ได้ ด้วยการยิงประตูแรกของตนเองและทีมในแอนฟิลด์สนามของลิเวอร์พูล และโดยเฉพาะทีมเรือใบสีฟ้าที่เล่นเอานักพนันหัวใจแทบวาย เพราะต้องเสียเงินเดิมพันก้อนโต เมื่อต้องพ่ายแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาล จากฝีเท้าของกองหน้าทีมชาติฟินแลนด์ผู้นี้ในสนามแคร์โร้ด บ้านของนอริช ซิตี้

ประสบการณ์ของทีมและฟาร์เค่

ดาเนียล ฟาร์เค่กุนซือวัย 42 ชาวเยอรมัน ผู้เคยคุมทีมสำรองของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมหัวแถวของบุนเดสลีกาเยอรมันถึงแม้ว่าประสบการณ์คุมทีมของฟาร์เค่จะมีไม่มากแต่ด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 ที่ฟาร์เค่ทำให้นอริช ซิตี้กลายเป็นทีมที่เล่นเกมบุกได้อย่างเร้าใจ ดุดันเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล แต่ผลงานของนอริชในตอนนี้ออกอาการน่าเป็นห่วง เมื่อทีมต้องพ่ายแพ้ติดต่อกันถึง 3 นัด โดยที่ตีโม ปุ้กกี้กองหน้าตัวเก่งของทีมที่เคยยิงประตูจาก 3 นัดแรกได้ถึง 5 ประตู แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถยิงประตูได้อีกเลยเนี่ย 3 นัดหลัง โดยเฉพาะนัดสุดท้ายที่พวกเขาต้องพ่ายแพ้ต่อแอสตัน วิลล่าทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาพร้อมกับพวกเขาแบบเละเทะถึง 5-1 ในสนามแคร์โร โร้ด ของตนเอง

กลับสู่เป้าหมายที่วางไว้ในตอนแรกคือ”หนีตกชั้น”

ด้วยการเล่นที่ฉูดฉาด เร้าใจของทีม และฟอร์มการถล่มประตูของตีโม ปุ้กกี้ ทำให้บางทีนอริช ซิตี้อาจจะลืมเป้าหมายที่พวกเขาวางเอาไว้ตั้งแต่ในตอนแรก คือ “การอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ” และตอนนี้คงเป็นโอกาสที่ดาเนียล ฟาร์เค่ ได้พิสูจน์ฝีมือของเขา เพียงแต่เวลาที่เขามีอยู่ในตอนนี้จะเพียงพอหรือไม่? หลังจากใน 7 นัดสุดท้าย พวกเราชนะได้เพียง 1 ครั้งและแพ้ไปถึง 6 นัด นกขมิ้นบินสีเหลืองอ่อนบินไม่ขึ้นเสียแล้ว