post

เรือใบจับติ้วเบาหวิวพร้อมแล่นฉิวซิวชปล.ครั้งแรก

“เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โคตรทีมมิลเลี่ยนแนร์แห่งเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ถูกจับสลากมาอยู่กลุ่มซีที่เบากว่าใครในทีมพรีเมียร์ลีกด้วยกัน ร่วมกับชัคตาร์ โดเน็ตส์(ยูเครน), ไดนาโม ซาเกร็บ(โครเอเชีย) และอตาลันต้า(อิตาลี) ที่เพิ่งได้ลงทำศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบต่อไปของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เหมา 3 แชมป์ในซีซั่นที่ผ่านมาจากอังกฤษดูสดใสเหลือเกินในฐานะแชมป์กลุ่ม

ทีมที่สมบูรณ์เต็มไปด้วยความสมดุล

แมนเชสเตอร์ ซิตี้เสริมทัพไม่มาก แต่ได้นักเตะที่ลงตัวและทดแทนกันได้ในตำแหน่งที่ต้องการ โดยในปีนี้ทีมได้  “โรดรี้” มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนจากแอตเลติโกมาดริดเข้ามา เพื่อเป็นตัวแทนแฟร์นันดินโญ่ที่เริ่มอายุมากขึ้น และโรดรี้ก็ไม่ปล่อยให้แฟนบอลเรือใบสีฟ้าต้องรอนาน เขาปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็วและโชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากโรดรี้แล้ว แมนฯซิตี้ได้คว้าชูเอา คันเซโล่แบ็คขวาทีมชาติโปรตุเกสซึ่งมีปีที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมากับยูเวนตุส แต่โชคร้ายที่เขาไม่ใช่นักเตะที่เมาริซิโอ ซาร์รี่โค้ชคนใหม่ของยูเวนตุสต้องการ นั่นกลายเป็นโชคดีของแมนซิตี้ที่ได้เขามาร่วมทีมเพื่อโรเตชั่นในตำแหน่งแบ็คขวาของไคล์ วอคเกอร์ที่เป็นกำลังหลักของทีมมาตลอดจะได้พักบ้าง ทำให้แมนฯซิตี้ในชุดปัจจุบันลงตัวและมีนักเตะทดแทนกันได้อย่างกลมกลืนแทบทุกตำแหน่ง

ฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรง

ฤดูกาลที่แล้วแมนฯ ซิตี้สร้างประวัติศาสตร์คว้าทุกแชมป์ในการลงเล่นบนเกาะอังกฤษได้เป็นทีมแรก และยังคง โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงมาตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา แม้จะสะดุดเสมอสเปอร์ส 2-2 ในบ้านหลังถูก VAR ปฏิเสธการได้ประตูชัย (อีกแล้ว) แต่ฟอร์มการเล่นของทีมยังร้อนแรง เกมรุกที่หลากหลายลงตัว ยากแก่การต้านทาน ไม่ว่า “เป๊บ กวาร์ดิโอล่า” จะจัดใครลงเล่น นับว่าเป็นยอดทีมแห่งยุคอย่างแท้จริง แมนฯ ซิตี้ได้ถูกจัดเป็นเต็งหนึ่งในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้จากทุกบริษัทรับพนันถูกกฎหมาย แม้ว่าทีมยังไม่เคยแม้แต่จะเข้าชิงถ้วยใบนี้เลยก็ตาม

เต็งหนึ่งแชมเปียนส์ลีก

ด้วยขุมกำลังที่เพียบพร้อมไปทุกตำแหน่ง ฟอร์มการเล่นที่กำลังเข้าฝัก หรือมันสมองของกุนซือที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในโลกในปัจจุบันอย่างเป๊ป กวาร์ดิโอล่า หากทีมยังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้เช่นนี้ และไม่โชคร้ายเกินไปนักเหมือนเช่นฤดูกาลก่อนที่ VAR พรากโอกาสเข้ารอบไปจากพวกเขาไปช่วงทดเวลาเจ็บในสนาม “เอติฮัต สเตเดี้ยม” ของพวกเขาเองอย่างบอบช้ำ เชื่อว่าถ้วยบิ๊กเอียร์ที่แฟนเรือใบสีฟ้าปรารถนาคงไม่หลุดมือไปจากพวกเขาแน่นอน

 

ความเป็นไปได้ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะกลับมาป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก

การเป็นแชมป์นั้นยาก แต่การป้องกันแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า ประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ผ่านมามีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซีแค่สองทีมเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่หนหลังสุดมันก็เกิดขึ้นตั้ง 9 ฤดูกาลมาแล้ว และตอนนี้แชมป์เก่าเรือใบสีฟ้าก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นทีมที่สามป้องกันแชมป์ได้สำเร็จหรือไม่

ต้นเดือนธันวาคมราคาต่อรองแชมป์ยังเป็นของเรือใบที่เหนือกว่าหงส์แดง แต่หลังหมดเดือนธันวาคม แมนเชสเตอร์ ซิตี้หลุดจากจ่าฝูงไปเป็นเพียงอันดับสอง มีช่องว่างคะแนนห่างจากคู่แข่งแย่งแชมป์และจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูล 7 คะแนน บ่อนพนันมองความเป็นไปได้ใหม่ให้หงส์แดงเป็นต่อ เรือใบสีฟ้าจึงมีงานใหญ่ในการลดช่องว่างระหว่างกันให้น้อยลง โดยเฉพาะเกมบิ๊กแมทช์ที่เจอกันเองตอนต้นเดือนมกราคม และพวกเขาก็ทำได้ตามตั้งใจ ปัจจุบันช่องห่างคะแนนอยู่ที่ 4 แต้ม มากพอที่จะมีลุ้นแซงกลับมา

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้สามารถป้องกันแชมป์ได้คือการที่พวกเขายังคงเป็นทีมที่มีเกมรุกดุดัน กองหน้าและกองกลางฝีเท้าจัดจ้าน สถิติการยิงประตูคู่แข่งแบบถล่มทลายหลายต่อหลายนัด การเอาชนะเกมรับที่แพ็คแน่นของที่ทีมเผชิญหน้าด้วย มันแสดงให้เห็นว่าฤดูกาลที่แล้วนั้น การที่พวกเขาเก็บแต้มได้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ของลีกที่ 100 คะแนนเป็นผลจากมันสมองและระบบของเป๊บ กวาร์ดิโอล่าโดยแท้

แต่ว่าปัจจัยส่วนตัวเพียงอย่างเดียวไม่พอ เพราะแม้แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะออกสตาร์ทได้ดี เก็บชัยชนะได้และแพ้ยาก ผู้เล่นสำคัญอย่างเควิน เดอ บรอยน์หรือดาบิด ซิลบาบาดเจ็บก็ไม่กระทบต่อการจัดทีม ปัญหาของพวกเขาดันเป็นเรื่องที่คู่แข่งอย่างลิเวอร์พูลเสริมทัพมาได้แข็งแกร่งกว่า ใครจะไปรู้ว่าลิเวอร์พูลจะกลายเป็นทีมที่ชนะชัวร์และแพ้ยาก คู่แข่งของพวกเขามาแบบประตูเหนียว หลังแน่น กลางดี หน้าเด่น และเล่นแทบจะไม่พลาดเลย

ตอนนี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ต้องมานั่งภาวนาให้คู่แข่งสะดุดบ้าง พวกเขาทำงานที่ต้องทำคือการเอาชนะในเกมที่เอติฮัด สเตเดี่ยมได้แล้ว งานเดียวที่ทำได้คือชนะและกดดันไปจนกว่าอีกฝ่ายจะพลาดสักสองหรือสามเกมแล้วตัวเองก็แซงกลับมา แต่ปัญหาคือเมื่อไหร่และใครจะมีดีพอที่ทำแบบนั้น ต้องยอมรับว่าปีนี้หงส์แดงมีผลงานเจอทีมเล็กดีมาก พวกเขาไม่พลาดให้แต้มทีมที่ด้อยกว่าเลย แถมยังเก็บไม่หนึ่งก็สามแต้มจากทีมใหญ่ๆ ได้ทั้งหมด แม้กระทั่งแพ้ก็แพ้แค่ทีมระดับลุ้นแชมป์เท่านั้น แถมตอนนี้ลิเวอร์พูลก็เหลือแค่สองรายการใหญ่ให้ลงเล่นคือพรีเมียร์ลีกกับแชมเปี้ยนลีก ขณะที่เรือใบมีเกมถึงสี่รายการในมือที่ต้องเล่น

เป๊บ กวาร์ดิโอล่าเข้าใจดีว่าสโมสรต้องการทุกเกียรติยศเพื่อยกระดับสโมสรขึ้นมาให้ทัดเทียมทีมใหญ่ที่มีเกียรติประวัติสูงกว่า การได้ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้วก็เป็นแค่เบอร์หนึ่งในประเทศ แต่สโมสรต้องการก้าวไปเป็นเบอร์หนึ่งในยุโรปบ้าง เช่นกันกับถ้วยรางวัลเล็กน้อยก็ต้องได้มาครอง สุดท้ายเป๊บก็ตัดใจทิ้งถ้วยไหนไม่ได้เลย

ในสถานการณ์ที่ต้องลงเล่นมากรายการ คู่แข่งมีเกมการแข่งขันน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ยังคงแข็งแกร่งแต่คู่แข่งก็ไม่ต่างกันแถมอาจจะเล่นเพื่อชัยชนะได้แน่นอนกว่า ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรพลิก ฟันธงได้เลยว่าเรือใบสีฟ้าทำได้แค่ทวงแชมป์คืนปีหน้าเท่านั้น