post

ฤดูกาลที่คาดหวังสูงของอาร์เซนอลกับเอเมรี่

เมื่ออูไน เอเมรี่กุนซือหนุ่มใหญ่วัย 47 ปี ชาวสเปนเข้ามาคุมทีมแทนอาร์แซน เวนเกอร์กุนซือชาวฝรั่งเศสผู้ทำให้อาร์เซนอลกลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในอังกฤษ ได้ปลดระวางไปเอเมรี่ถูกคาดหวังจากแฟนบอลทันทีจากผลงานที่เคยการพาเซบีย่าสโมสรระดับกลางในลาลีกาสเปน ประสบความสำเร็จในระดับยุโรปมาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เอเมรี่สร้างชื่อให้กับตนเองจนเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักพนัน กับเซบีย่าสโมสรระดับกลางในลาลีกาประเทศสเปนมาแล้ว แต่กับอาร์เซนอลที่เป็นสโมสรที่ใหญ่กว่ามีเงินทองมากกว่า มีทั้งแรงกดดันและความท้าทายมากกว่า โดยก่อนหน้านี้เอมิรี่เคยประสบความล้มเหลวกับเปแอสเชสโมสรเงินหนาจากลีกเอิงแบบช้ำ ๆ เพราะแม้เอเมรี่จะทำเศรษฐีฝรั่งเศสทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ แต่ยังไม่เพียงพอกับเป้าหมายที่สโมสรจากเมืองหลวงของฝรั่งเศสตั้งเอาไว้ในยุโรป

ฟุตบอลยุคใหม่ของเอเมรี่

สไตล์การทำทีมของอูไน เอเมรี่ เป็นฟุตบอลที่เล่นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ตื่นตาตื่นใจ เอเมรี่ยังนับได้ว่าเป็นกุนซือที่เก่งในการสร้างทีมจากดาวรุ่ง เอเมรี่จึงนับเป็นการเลือกที่เหมาะสมของบอร์ดบริหารทีมปืนใหญ่ในยุคที่ถึงสโมสรจะร่ำรวยแต่เน้นซื้อนักเตะแบบพอเพียง อาร์เซนอลของเอเมรี่ได้รับคำชมจากสื่อมวลชนและนักวิจารณ์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ด้วยสไตล์การเล่นแบบฟุตบอลยุคใหม่ อาจจะยังไม่ได้ลุ้นแชมป์ในระดับเดียวกับลิเวอร์พูลและแมนฯซิตี้ที่มีแข็งแกร่งเกินไป ในช่วงปลายฤดูกาลอาร์เซนอลยังเกาะกลุ่มท็อปโฟร์เพื่อโอกาสในการเข้าร่วมฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีกได้อย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้อาร์เซนอลยังได้เข้าชิงฟุตบอลยูโรป้าคัพ ก่อนที่ทุกอย่างกับจบลงด้วยความผิดหวังจากการทำอันดับท็อปโฟร์ และได้เพียงรองแชมป์ยูโรป้าคัพเท่านั้น

การเสริมทัพครั้งประวัติศาสตร์ของอาร์เซนอล

การเซ็นสัญญาคว้านิโคลัส เปเป้มาจากสโมสรลีลล์ในลีกเอิงฝรั่งเศสด้วยค่าตัว 67 ล้านปอนด์ ทำให้เปเป้กองหน้าทีมชาติไอวอรี่โคสต์กลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในทันที นอกจากนี้อาร์เซนอลยังดึงนักเตะชั้นนำมาอีกหลายคนอาทิเช่น เคียแรน เทียนี่ย์กัปตันทีมเซลติกแชมป์ลีกสกอตแลนด์ 25 ล้านปอนด์, ดาบิด ลุยซ์ กองหลังตัวเก๋าจากเชลซี 8 ล้านปอนด์และยืมดานี่ เซบายอสกองกลางตัวรุกจากเรอัล มาดริด ที่กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทันทีตั้งแต่ลงเล่น ซึ่งอาร์เซนอลอาจจะซื้อขาดด้วยค่าตัวราว ๆ 50 ล้านปอนด์ นี่คือการเสริมทัพครั้งใหญ่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ของอาร์เซนอล โดยทีมปล่อยไปเพียงอเล็กซ์ อิโวบี้ คนเดียวให้กับเอฟเวอร์ตันด้วยค่ะตัว 34 ล้านปอนด์เท่านั้น

เอเมรี่กับซีซั่นที่กดดัน

จากเม็ดเงินกว่า 100 ล้านปอนด์ที่อาร์เซนอลลงทุนลงไป ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วว่าการติดท็อปโฟร์ไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกคือเป้าหมายขั้นต่ำของทีม ในขณะที่นิโคลัส เปเป้ยังอยู่ในช่วงเวลาปรับตัวเข้ากับทีม, ดาบิด ลุยซ์ก็ยังไม่สามารถช่วยกองหลังทีมได้มากนะ โชคดีที่แบรนด์ เลโน่ ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และรวมถึงผู้เล่นแนวรุกโดยเฉพาะเอ็มเมอริค โอบาเมย็องกองหน้าตัวหลักของทีมกลับเล่นได้อย่างคมกริบ ช่วยให้อาร์เซนอลในปัจจุบันรั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษและดูเหมือนเทพีโชคจะเข้าข้างพวกเขาไปอยู่บ้างเมื่อ เมื่อทั้งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ยังทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ โอกาสดีของเอเมรี่มาถึงแล้ว

post

ดอร์ทมุนด์ห้ามกาชื่อพวกเขาทิ้ง

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 19 ธันวาคม 1909 หรือที่แฟนบอลไทยรู้จักกันในฉายา “เสือเหลือง” แต่ฉายาของพวกเขาจริง ๆ คือ “ผึ้งน้อย” ดอร์ทมุนด์ในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จลำดับที่ 2 ในบุนเดสลีการองจากบาเยิร์น มิวนิค และเป็น 1 ใน 3 สโมสรในบุนเดสลีกาที่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาแล้ว โดย 2 สโมสรที่ทำได้ก่อนพวกเขาคือบาเยิร์น มิวนิคและฮัมบูร์ก เอสวี หรือที่คนไทยมักจะรู้จักในฉายาสิงห์เหนือ เสือใต้ แต่ฉายาที่สโมสรของพวกเขาตั้งจริง ๆ ของบาเยิร์น มิวนิคคือดาวแห่งแคว้นบาวาเรียหรือเดอะ เรดส์ (The Red) ซึ่งนอกจากเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในบุนเดสลีกาเยอรมันบาเยิร์น มิวนิคยังเป็นสโมสรที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกสูงสุดได้ถึง 5 สมัยมากที่สุดในเยอรมันเช่นกัน สำหรับฮัมบูร์กเอสวี แล้วพวกเขามีฉายาที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครคือ “แดร์ ไดโน” หรือเจ้าไดโนเสาร์นั่นเอง ตั้งปลุกคือเมืองท่าเมืองใหญ่ของเยอรมันทางตอนเหนือพวกเขาเคยคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพหรือยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ 1 ครั้ง (เท่ากับดอร์ทมุนด์)ในยุครุ่งเรืองด้วยชัยชนะเหนือยูเวนตุส จากประตูชัยของ เฟลิกซ์ มากัธซึ่งต่อมาได้เป็นทั้งกุนซือฮัมบูร์กและบาเยิร์น มิวนิคเช่นกัน

การสนับสนุนของแฟนบอลที่ไม่เป็นสองรองใครของดอร์ทมุนด์

หากพูดถึงความสำเร็จของดอร์ทมุนด์พวกเขาคือ อันดับสองในเยอรมันโดยไม่ต้องสงสัยไม่ว่าจะนับรายการทั้งในประเทศหรือความสำเร็จในยุโรป พวกเขายังเป็นรองบาเยิร์น มิวนิคอีกหลายช่วงตัว แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเป็นอันดับ 1 ของเยอรมันอย่างแน่นอน และบางทีพวกเขาอาจจะเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยซ้ำนั่นคือการสนับสนุนจากแฟนบอลในเกมส์เหย้า แฟนบอลของดอร์ทมุนด์นั้นเหนียวแน่นและมีความพิเศษอย่างมาก พวกเขาเป็นเจ้าของสถิติการขายตั๋วปีและยอดเฉลี่ยแฟนบอลไงบ้านของตนเองสูงที่สุดในโลก กว่า 60,000 ที่นั่งคือ ตัวเลขที่แฟนบอลแห่กันมาซื้อตั๋วปีของสโมสร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเชียร์ทีมรักในสนามเวสต์ฟาเลน สเตเดียมที่จุคนมากกว่า 84,000 ที่นั่ง ทำรายได้ให้พวกกับเขาอย่างมั่นคงและเป็นกอบเป็นกำที่แม้แต่ทีมใหญ่ ๆ ในยุโรปที่มีสนามที่มีความจุมากกว่าหรือประสบความสำเร็จมากกว่าพวกเขาอย่างเรอัลมาดริด, บาร์เซโลน่า, ยูเวนตุส, แมนฯยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูลก็ยังทำไม่ได้

การผสมผสานของตัวเก๋าและดาวรุ่ง

ดอร์ทมุนด์ได้นักเตะมากประสบการณ์อย่างมัทธ์ ฮุมเมิ่ลส์, มาริโอ เกิทเซ่ รวมกับสตาร์ตัวเก๋าที่มีอย่างมาร์โก รอยส์, อักเซิ่ล วิตเซล, ตอร์กาน อาซาร์และดาวรุ่งของทีมที่ใคร ๆ ก็อยากได้อย่างจอร์ดอน ซานโช่, ยูเลี่ยน บลันด์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมันที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมจากเลเวอร์คูเซ่น ด้วยศักยภาพผู้เล่นที่มีอาจจะไม่เพียงพอต่อการลุ้นทุกแชมป์ในเยอรมันและยุโรปตามที่นักพนันได้คาดการณ์เอาไว้ แต่ลูกทีมของลูเซียง ฟาร์ฟ ก็น่าจะมีติดมือสักแชมป์

กรุ๊ปออฟเดธในแชมเปี้ยนส์ลีก

เป็นอีกครั้งที่ดอร์ทมุนด์ถูกจับสลากมาอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย และครั้งนี้พวกเขาต้องพบกับบาร์เซโลน่า, อินเตอร์มิลานและสลาเวีย ปราก ดูเหมือนว่าทีมเลือดหมูน้ำเงินจากสเปนจะเป็นทีมที่มีโอกาสในการเข้ารอบมากกว่าที่สุด ดอร์ทมุนด์น่าจะต้องตัดสินกับอินเตอร์ มิลานเจ้าของแชมป์ถ้วยนี้สามสมัยที่พึ่งได้อันโตนิโอ คอนเต้อดีตนักเตะและกุนซือจากยูเวนตุสทีมคู่ปรับมาคุมทีมเป็นปีแรก เมื่อจบการแข่งขัน 2 นัดแรก ช่วงเวลานั้นโอกาสของพวกเขาจะเริ่มมีมากกว่าทีมงูใหญ่จากอิตาลีเสียแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำได้เพียงแค่เสมอกับบาร์เซโลน่า ทีมเต็งของกลุ่มแบบไม่มีประตู แต่ก็สามารถบุกไปเอาชนะสลาเวียปรากได้สำเร็จ ขณะที่ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลานกลับทำได้แย่กว่าเมื่ิอทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอสลาเวียปรากก่อนบุกไปแพ้บาร์เซโลนาคัมป์ นู อย่างน่าเสียดายทั้ง ๆ ที่ทำประตูนำไปก่อน ในแมทช์ถัดไปพวกเขาจะต้องบุกไปเยือนสนามจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่าของอินเตอร์มิลานซึ่งหากดอร์ทมุนด์สามารถเก็บชัยชนะกลับมาได้ เขาคงไม่พลาดโอกาสที่จะเข้ารอบ 2 อีกแล้ว ดอร์ทมุนด์จะกลับไปเป็นม้ามืดอีกครั้งเหมือนที่พวกเขาเคยได้เข้าชิงแบบไม่มีใครคาดหมายและความแชมป์ได้ในที่สุด ถ้าคุณกำลังจะเดิมพันทีมที่จะคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ควรตัดทีมนี้ออกอย่างยิ่ง

post

สิงโตน้ำเงิน(หนุ่ม)คำราม

หนึ่งในฤดูกาลที่แสนยากลำบากของสิงโตน้ำเงินครามเชลซีในยุคกุนซือใหม่ถอดด้ามอย่าง “แฟรงค์แลมพาร์ด” ต้องประสบกับความยากลำบากก่อนเริ่มฤดูกาล เมื่อทีมถูกลงโทษห้ามซื้อนักเตะ เนื่องจากทำผิดกฎฟีฟ่า ทั้ง ๆ ที่ทีมเพื่อนร่วมเมืองหลวงและอีก 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ทุ่มเงินกันทีมละหลักร้อยล้านปอนด์ซื้อนักเตะใหม่กันอิ่มเอมถ้วนหน้า ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ การเสียนักเตะคนสำคัญที่สุดของทีมหลายฤดูกาลอย่างเอแด็นอาซาร์ให้กับเรอัลมาดริดถึงเชลซีจะได้เงินจำนวนมหาศาลถึง 130 ล้านปอนด์แต่ก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในกระปุกเท่านั้น และเมื่อการแข่งขันนักแรกในพรีเมียร์ลีกพวกเขาต้องพบกับความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดถึง 4-0 นี่มันยิ่งกว่าฝันร้ายชัด ๆ

เล่นดีแต่แต่ไม่มีรางวัล

เชลซีเริ่มต้นฤดูกาลอย่างย่ำแย่ ไม่เพียงแต่ความพ่ายแพ้แบบเละเทะจากถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดพลพรรคสิงห์บลูยังคงต้องหน้าเจื่อนอย่างต่อเนื่องเมื่อพวกเขาต้องมายังต้องมาถูกทีมน้องใหม่อย่างเชฟฟิลด์ยูไนเต็ดและจิ้งจอกสยามเลสเตอร์ตามตีเสมอในบ้าน โดยเฉพาะการพบกับทีมดาบคู่ เชลซีเล่นได้เหนือกว่าทุกประตูแถมยังนำไป 2-0 ก่อนมาถูกตีเสมอในที่สุดไม่คาดคิด ในครึ่งเวลาหลัง รวมถึงนัดที่แพ้ต่อลิเวอร์พูลในศึกชิงถ้วยซุปเปอร์คัพด้วยการดวลจุดโทษอย่างโชคร้ายทั้ง ๆ ที่เล่นได้ดีกว่าและได้ประตูนำก่อนเหมือนเดิม อะไร ๆ ก็ดูจะไม่เข้าทางเชลซีเลย แต่สิ่งที่แฟนบอลและนักพนันยังดูจะเชื่อมั่นในทีมของแฟรงค์แลมพาร์ดได้อยู่คือ สไตล์การเล่นที่ดุดัน เร้าใจ และไม่นานการเล่นที่ยอดเยี่ยมดูมีอนาคตในทุกนัดก็เริ่มที่จะตอบแทนพวกเขาบ้างแล้วพวกเขาเริ่มเก็บชัยชนะในเกมเยือนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบุกไปเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตันทีมแกร่งที่ต่อมาสามารถบุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ถึงเอติฮัด สเตเดี้ยมถึง 2-0 แต่เมื่อกี้หมาป่าต้องมาเจอกับทีมสิงโตหนุ่มอย่างเชลซี เกมจบลงด้วยการพ่ายแพ้แบบหมดรูปของทีมหมาป่าเหลืองดำถึง 2- 5 เชลซีของแฟรงค์แลมพาร์ดมีความมั่นใจกลับมาแล้ว

สิงโตหนุ่มและก็องเต้

จากนักเตะที่แทบจะไม่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกเลยอย่างเมสัน เมาท์และแทมมี่ อับราฮัม กับนักเตะในทีมที่เคยไม่เป็นที่ต้องการของเชลซีและทำผิดพลาดตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาลเคิร์ท ซูม่าและไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลในฤดูกาลก่อนอย่างจอร์จินโญ่, เอเมอร์สัน หรือรอสส์ บาร์คลี่ย์ ทุกคนกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งและโดยเฉพาะเอ็นโกโล่ก็องเต้ซึ่งได้กลายเป็นนักเตะระดับโลกเต็มตัวไปแล้ว หากทีมสิงห์บลูส์สามารถรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้สม่ำเสมอไปเรื่อย ๆ เป้าหมายการติดท็อปโฟร์ของพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องห่างไกลและ เมื่อทีมสามารถซื้อดาวดังได้เมื่อไหร่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลคงจะมีคู่แข่งร่วมลุ้นแชมป์เพิ่มขึ้นที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกทีม

post

เรอัล มาดริดกับภาคที่ 2 ของซีดาน

เมื่อครั้งที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซประธานคนเก่งของเรอัล มาดริดกำลังตกที่นั่งลำบาก หลังกลับมารับตำแหน่งเป็นคำรบที่ 2 เมื่อราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือลูกหม้อของทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ จนถูกปลดออกจากตำแหน่งและแทนที่โดยซีเนดีนซีดาน อัจฉริยะลูกหนังชาวฝรั่งเศสมาคุมทัพต่อจากกุนซือร่างอ้วนชาวสเปน ซีดานซึ่งแทบจะไม่มีประสบการณ์เลย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ซีดานได้พาเรอัล มาดริดประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้ถึง 3 ปีติด จนนักพนันหลาย ๆ คนก็ยังคงทุ่มเงินเดิมพันให้กับทีมอย่างเชื่อมั่น โดยผู้เล่นที่แทบจะเป็นชุดเดิม ๆ จากราฟา แต่ในตอนต้นฤดูกาลก่อนซีดานได้จากทีมไปช็อกวงการ โดยท่านประธานได้ดึง “ฆูเล็น โลเปเตกลี” ก่อนที่ “ซานติอาโก้ โซลารี่” กุนซือชาวอาร์เจนติน่าจะเข้ามาคุมทีมเป็นช่วงสั้น ๆ และเป็นซีดานที่กลับมาคุมทีมอีกครั้ง ก่อนจบฤดูกาลก่อน

การกลับมาทุ่มเงินซื้อนักเตะยังมหาศาลอีกครั้ง

เรอัล มาดริดใช้เม็ดเงินไปกว่า 250 ล้านปอนด์ เพื่อคว้านักเตะชั้นยอดเข้ามาร่วมทีมหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะเอแด็ง อาซาร์จากเชลซีที่ย้ายมาด้วยค่าตัวถึง 130 ล้านปอนด์กลายเป็นนักเตะค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรคนใหม่ต่อจากแกเร็ธ เบลทันที รวมถึงลูก้า โยวิชกองหน้าสุดฮอตจากแฟรงเฟิร์ตสโมสรดังในบุนเดสลีกาที่ย้ายมาด้วยค่าตัวแพงระยับถึง 55 ล้านปอนด์โดยประมาณ รวมถึงคนอื่น ๆ อย่างเอแดร์ มิลิเตากองหลังจากปอร์โต้, แฟร์ล็องด์ เมนดี้แบ็คซ้ายจากโอลิมปิก ลียง ที่มีค่าตัวประมาณคนละ 30 ล้านปอนด์ และไม่เพียงแต่เท่านั้น ซีดาน ยังต้องการนักเตะอย่างปอล ป็อกบาหรือคริสเตียน อิริคเซ่นเข้ามาเสริมทีมแทนลูก้า โมดริชที่ใกล้จะปลดระวาง รวมทั้งซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสคนปัจจุบันอย่างคีเลียน เอ็มบัปเป้ เขาคือนักเตะที่แฟนบอลมาดริดอยากได้มากที่สุด และตัวเขาเองก็เป็นแฟนบอลของมาดริดและมีคริสเตียโน่โรนัลโด้เป็นนักเตะในดวงใจด้วยเช่นกัน

ทีมที่ไม่ลงตัว

การได้ซีดานกุนซือคนเก่งกลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนซีดานจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยเพื่อจะทำให้ทีมลงตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อทีมเหลือเพียงคาเซมิโร่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับคนเดียว, ยังไม่มีตัวแทนลูก้า โมดริช, นักเตะใหม่ยังมิลิเตาและโยวิชยังต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับทีมอีกพอสมควร แถมอาซาร์ก็เจ็บตั้งแต่เปิดซีซั่น ทำให้ซีดานต้องกลับไปใช้นักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมก่อนหน้านี้อย่างฮาเมส โรดริเกซหรือแกเร็ธ เบลลงเล่นร่วมกับคาริม เบนเซม่าซึ่งกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้เรอัล มาดริดจะเป็นจ่าฝูงในลาลีกาด้วยผลงานที่ยังไม่แพ้ใคร ซึ่งสวนทางกับฟอร์มการเล่นของทีมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยในแชมเปี้ยนลีก แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะคู่ปรับอย่างบาร์เซโลน่าและแอตเลติโก มาดริดยังหาฟอร์มของตัวเองไม่เจอด้วยเช่นกัน

แชมเปี้ยนลีกของซีดาน

ถึงแม้ปัญหาภายในทีมจะยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซีดานยังคงมีปัญหากับการคว้าตัวนักเตะที่เขาต้องการ รวมถึงยังไม่สามารถขายนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมออกไปได้เลย ทำให้ข้อจำกัดในการทำทีมรวมถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ แต่ถึงอย่างนั้นเรอัล มาดริดของซีดานก็ยังเป็นทีมที่เต็มไปด้วยขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมที่พอจะสร้างความมั่นใจคืนให้นักพนันได้อุ่นใจอีกครั้ง และประสบการณ์อันล้นเหลือของนักเตะและผู้จัดการทีม เมื่อรวมกับแผนการอันแยบยลของซีดานซึ่งเคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คงไม่มีใครมองข้ามราชันย์แห่งยุโรปและหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดในโลกและคว้าแชมป์รายการนี้มากกว่าใคร ๆ